Dev Blog #2.0— ก่อนจะถึงนิทรรศ
ในซีรีย์นี้จะขอกล่าวถึงเรื่องราวของงาน Chula Expo และงาน NITAD17 ซึ่งเจมส์ Designer ของเราได้เกริ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่าน สามารถตามไปอ่านกันได้ที่นี่เลยครับ
งานนิทรรศในครั้งนี้ เรียกได้ว่า พวกเราทุกคนตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะได้จัดงานกัน เพราะก่อนหน้านี้ที่พวกเราได้มีโอกาสไปจัดแสดงผลงานที่หลาย ๆ สถานที่
ทั้งระหว่างช่วงการแข่งขัน หรือ จะเป็นการจัดบูทโชว์ผลงานตาม event ต่าง ๆ
ในแต่ละครั้งที่ไปนั้น งานมันช่าง… กร่อยยย
เรียกว่าคนที่มาดู ก็เป็นคนที่มาจัดแสดงผลงานด้วยกันนั่นแหละ (น้ำตาจะไหล)
ซึ่งสาเหตุหลักเลยก็คือ คนที่มาร่วมงาน ไม่ใช่กลุ่มลูกค้า ของเราซึ่งเป็นวัยรุ่น
แต่คนส่วนใหญ่ที่เจอจะเป็นรุ่นคุณพ่อคุณแม่ซะมากกว่า
แต่ว่า! งานนี้ จะไม่เหมือนงานครั้งที่ผ่าน ๆ มาแน่นอน!! เพราะว่า
- คนที่จะมาร่วมงานนี้เป็นเด็ก ๆ ตั้งแต่ ระดับมัธยมต้น/ปลาย ไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งก็เป็นกลุ่มลูกค้าที่เล่นเกม ทั้งเกมมือถือและบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ
- เราก็จะได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ปกครองที่พาน้อง ๆ มาร่วมงานอีกด้วย ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการอธิบายให้ผู้ใหญ่ได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของเกมอีกด้วย
- จะได้ทดสอบตัวเกมเวอร์ชันใหม่แบบสาธารณะเป็นครั้งแรก!
พอเห็นเหตุผล 3 ข้อนี้ ก็ไม่ต้องลังเลกันละครับ ลุยกันเลยดีกว่า!
ทีมของพวกเรามีฝันที่ยิ่งใหญ่… มากกกก
เราอยากจะให้การจัดบูธครั้งนี้มันออกมาอลังการสุด ๆ กันไปเลย
ช่วงนั้น หนังเรื่อง Now You See Me 2 กำลังมาแรง ซึ่งมีฉากที่พระเอก(?) หยุดน้ำฝนกลางอากาศ แล้วย้อนกลับขึ้นไป
อ้าววว เกมเราก็หยุดแล้วก็ย้อนเวลาได้!
เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าเราสามารถเอาฉากนี้ เข้ามาใส่ในบูธของเรา ทำให้มีฝนไหลย้อนกลับมาได้ มันอาจจะเป็น Landmark ที่เด่นที่สุดในงาน Nitad นี้เลยนะ
โอ้ว โหหหหห!! ทั้งโชว์ความเป็นเกม และโชว์ความสามารถเด็กวิศวะ จุฬา แถมตบท้ายด้วยมีเดโมเกมให้ผู้เล่น ท่ามกลางสายฝนวิ่งย้อนกลับ
นี่.. นี่มันนนน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสอง สาม สี่ ห้าตัว พีคครับบบบ พีคสิครับงานนี้
พีคคคคคคคคคคคคคคคคค!!!
แต่…
ฝันลำเอียงไม่เหมือนความจริง~ ทิ้งเราให้หลงในภวังค์ (ฮา)
เอาตามตรงเลยนะ…
ใครมันจะไปทำได้ฟระะะะะ!!
ถึงจะทำได้ มันก็คงไม่ใช่ด้วยงบแค่นี้แน่ ๆ และด้วยเวลาเท่านี้แน่นอน
เฮ้อ….
ปราสาทน้ำแข็งก็คงต้องพังลงไป
ไม่มีแผนพิศดารให้เราเล่นแล้ว ก็ได้เวลากลับมาจริงจังซะที (ฮา)
เนื่องจากเราโฟกัสที่ความยิ่งใหญ่ของบูธไม่ได้แล้ว ก็เลยเปลี่ยนแผนเป็น ทำ Demo ให้มันดีที่สุดแทนละกัน เพราะจุดประสงค์หลักของเราจริง ๆ คือการทำให้ผู้เล่นจดจำเกมของเราได้ และรู้สึกประทับใจกับตัวเกม
เพราะงั้น การที่เราไม่เล่นใหญ่เกินไป แต่มาโฟกัสที่ตัวเกมไปเลย ก็น่าจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
สุดท้าย แผนที่ได้ก็คือ
จัดบูธเล็ก ๆ ให้คนลองเล่นเกมเวอร์ชัน demo + โชว์ประวัติของทีม
ถึงจะตัดความอลังออกไปแล้ว ก็ขอเก็บโซนเล่าประวัติเรื่องราวของทีมไว้ละกัน (ฮา)
อืม… โอเค๊ (เสียงสูง) ลองดู
เมื่อได้แผนที่แน่นอนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การทำ Timelie: Omen Demo
ที่เหลือเวลาแค่เดือนเดียวในการทำ !!
ซึ่งจะมาพูดกันในตอนต่อไปของซีรีย์นี้
แต่ขอจบบล็อกตอนแรกเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ :D