จะดีแค่ไหน ถ้าไม่ต้องขับรถเอง เพราะมีตัวช่วยอย่าง ระบบขับขี่อัตโนมัติ บทความโดย Vulcan Hero
รถยนต์ในปัจจุบันนี้กลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตเราไปแล้ว หากไม่มีรถก็ไปไหนมาไหนไม่ได้เป็นความลำบากในชีวิตประจำวันไปเลยสำหรับใครหลายๆ คน
แต่ปัญหาที่คนมีรถยนต์มักจะพบเจออยู่เสมอคือ
การจราจรที่ผู้ใช้รถอยู่บนท้องถนนที่หนาแน่นมากขึ้นทุกวัน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น รวมไปถึงปัญหามลพิษที่พบเจอในแต่ละวันอีก
แต่รถยนต์ก็ยังเป็นสิ่งกระตุ้นความสนใจให้กับคนในปัจจุบันอยากจะมีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น
ในทุกวันนี้เทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการซื้อขายบนท้องตลาด
โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับ เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของคนยุคปัจจุบัน
ด้วยการหันมาใช้ พลังงานทดแทน หรือ พลังงานสะอาด คือพลังงานไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือเกิดมลภาวะที่เป็นพิษอย่างน้อยที่สุด แถมยังช่วยโลกไปอีกทาง
และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคด้วย
อีกปัจจัยหนึ่งก็คือราคาพลังงานน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า หรือรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Car)
คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้า
ที่เรากำลังพูดถึงคือ รถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Car หรือ Self-driving Car)
เป็นรถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยคนควบคุม
หรือเรียกอีกอย่างว่า(Full Automation) ซึ่งเป็นรถยนต์ที่สามารถขับเคลื่อนบนท้องถนนได้เองในทุกสภาวะและมีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเหมือนมนุษย์ทุกประการ
รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองอัตโนมัติ
เป็นการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีต่างๆ เช่น
- เซ็นเซอร์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นตัวที่จะกําหนดระยะห่างระหว่างยานพาหนะและสิ่งกีดขวางต่างๆ
- ระบบ LiDAR ที่เป็นการนำคลื่นแสงมาใช้แทนการใช้คลื่นวิทยุ ทำงานร่วมกับกล้องมุมมอง 360 องศารอบรถ
- ระบบสื่อสารระยะสั้นหรือ DSRC (Dedicated Short Range Communications) เป็นการตรวจสอบสภาพถนน ความหนาแน่น โอกาสที่จะเกิดการชน และการเปลี่ยนเส้นทางที่เป็นไปได้ ในขณะนั้น
- ระบบนำทาง (Navigation) หรือระบบแผนที่ ซึ่งประกอบด้วยระบบการระบุตำแหน่งของรถยนต์ ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติจากดาวเทียม และระบบแผนที่เสมือนจริงที่เก็บรวบรวมข้อมูลในคลังข้อมูลดิจิทัล ทั้งนี้ ข้อมูลที่เก็บคือข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการวิ่งของรถบนถนน เช่น ตำแหน่งของไฟจราจร ตำแหน่งทางม้าลาย ป้ายสัญญาณห้ามเลี้ยวขวา ความกว้างของเลนถนน รวมถึง ความเร็วสูงสุดที่กฎหมายอนุญาตให้รถวิ่งได้ในถนนแต่ละเส้น เป็นต้น
- Computer Vision เปรียบได้กับประสาทสัมผัสหรือประสาทรับรู้ของรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมเมื่อรถวิ่ง ทำความเข้าใจและวิเคราะห์ออกมา ตอบสนองต่อข้อมูที่ได้รับ เช่นการหลบหลีกสิ่งกีดขวาง การเลี้ยวรถ การชะลอรถ การหยุดรถ เป็นต้น
- Deep Learning ระบบประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ ทำหน้าที่เหมือนสมองของรถยนต์ไร้คนขับ เป็นระบบที่ทำให้รถยนต์อัตโนมัติสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองจากการประมวลผลข้อมูลที่รับมาจากระบบ Computer Vision
- Robotics หรือระบบที่เชื่อมต่อระบบประมวลผลส่วนกลางเข้ากับระบบเครื่องจักรต่างๆ ในตัวรถโดยทำหน้าที่เสมือนเส้นประสาทที่เชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับแขนขาและส่วนต่างๆ ของร่างกาย
รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เป็นตัวเลือกในการเดินทาง ตอบโจทย์ให้กับผู้ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งแก้ปัญหาทางด้านกายภาพและช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้
ตัวอย่าง
ผู้ที่มีปัญหาทางสายตามีปัญหาทางร่างกาย คนที่ต้องการเดินทางโดยลำพัง คนต้องการพักผ่อนในระหว่างการเดินทาง
และยังลดระยะเวลาในการเดินทางได้อีกด้วย
เนื่องจาก รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัตมีข้อมูลของรถคันอื่นๆ อยู่ในแผนที่ ทำให้สามารถคำนวลได้ว่าจะไปเส้นทางไหนได้เร็วที่สุด แถมยังลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้มาก และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไปได้อีกระดับ
เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน
แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความเร็วในการพัฒนาเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง อัตราการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
กฎระเบียบข้อบังคับบนท้องถนนและมาตรฐานการขับขี่สำหรับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติยังไม่มีอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในขณะนี้ แม้ว่าจะมีข้อบังคับสากลที่กำหนดไว้สำหรับระบบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติซึ่งมีข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่นำมาใช้โดยทั่วไป
แถมในด้านของกฎหมายก็ยังไม่มีออกมาให้ชัดเจน
การร่วมมือและยอมรับของสังคม
การยอมรับของสังคมไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับปัญหาของเจ้าของรถที่ขับเองเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นที่ใช้ถนนสายเดียวกัน ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการพิจารณาและการยอมรับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หากไม่มีสิ่งนี้ การมีกฎหมายที่รองรับก็จะยากขึ้นอีกสำหรับในประเทศไทยและอีกหลายประเทศบนโลก
สำหรับประเทศไทยของเรา ก็ยังต้องรอการพัฒนากันต่อไปในหลาย ๆ เรื่อง ก่อนที่จะมีการใช้งานได้อย่างจริงจัง
แต่ยังไงเทคโนโลยีตัวนี้ก็มาแน่ ๆ ไม่สามารถหนีไปไหนได้แน่นอน เพราะว่าในชีวิตประจำวันของเรา มีการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีมากขึ้นในทุก ๆ วัน ก็หวังว่าจะไม่นานเกินรอสำหรับทุกคน
#น้ำมันแพง
#พลังงานหมุนเวียน
#พลังงานไฟฟ้า
#รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ