Vulcan Coalition คืออะไร ?
Vulcan Coalition (Social Enterprise) — คือ AI Data Crowdsourcing for Disability ที่จะสร้างงานซึ่งเหมาะกับคนพิการและต้องเป็นความสามารถเฉพาะคนพิการเท่านั้นถึงจะทำออกมาได้ดี
เราจะให้คนพิการทำหน้าที่เป็น Trainer (Data Labelling) ของ AI ตามความถนัดเฉพาะด้านของแต่ละบุคคลไม่ว่าจะเป็นการเทรนเสียงสำหรับคนตาบอด สำหรับคนหูหนวกจะเป็นการเทรนภาพและ time series เป็นต้น
จากงานวิจัยจำนวนมาก ระบุชัดเจนว่าสมองของผู้พิการมักจะมีพัฒนาการพิเศษชดเชยประสาทสัมผัสที่พิการไป
ยกตัวอย่างเช่น
ผู้พิการทางสายตาจะไม่ได้ใช้งานสมองส่วน Visual Cortex และในเมื่อผู้พิการทางสายตาจำเป็นต้องใช้ “หู” ในการดำรงชีวิตมากขึ้น สมองส่วน Auditory Cortext จึงมักจะมีพัฒนาการชดเชยส่วน Visual Cortex อย่างมีนัยยะสำคัญ
นั่นทำให้ผู้พิการทางสายตาหลายคนมีประสาทหูที่ “ดีกว่า” คนไม่พิการทางสายตา
ในทางตรงข้าม
ผู้พิการทางการได้ยินก็มีแนวโน้มจะมีพัฒนาการด้านการมองเห็นที่ดีมากกว่าคนไม่พิการ เนื่องจาก Visual Cortex ถูกใช้งานมากขึ้นเพื่อชดเชยส่วน Auditory Cortex ที่ใช้งานลดลง หรือผู้พิการทางสมองกลุ่ม Autistic กลุ่มหนึ่งที่เรียกกันว่า Autistic Savant จะมีอัจฉริยภาพบางอย่าง เช่น Pattern Recognition และ Long Term Memory รวมถึง Focus ที่เหนือกว่าคนไม่พิการ
กลุ่มผู้พิการเหล่านี้จึงมีประสาทสัมผัสพิเศษบางอย่างที่เหนือกว่าคนไม่พิการ และนี่คือที่มาของโปรเจค Vulcan
โจทย์ของเราคือ ในเมื่อผู้พิการมีอัจฉริยภาพบางอย่างที่เหนือกว่าคนไม่พิการ ทำไมเราไม่นำศักยภาพตรงนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ แทนที่จะหางานรูปแบบสังคมสงเคราะห์ที่จำเป็นต้องใช้ประสาทสัมผัสซึ่งเข้าสู้กับคนไม่พิการไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เราจึงพยายามจะจับคู่ประสาทสัมผัสที่ “เหนือกว่า” เข้ากับการสร้าง Data Set ให้กับโมเดล AI
เราได้ทำการทดลองเรื่องการฟังกับกลุ่มน้อง ๆ ผู้พิการทางสายตากลุ่มหนึ่ง และพบว่าน้อง ๆ กลุ่มนี้มีศักยภาพที่จะพัฒนาตัวเองไปเป็น AI Trainer คือ เป็นผู้จัดเตรียม Data Set เพื่อเทรน AI ในโดเมนเกี่ยวกับ “เสียง”สำหรับการสร้างโมเดลด้านเสียงใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูง (เช่น Text To Speech ซึ่งในปัจจุบันตัวที่เก่งที่สุดของไทยคือ Vaja ซึ่งขอบเขตความสามารถยังค่อนข้างจำกัด เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ทีมเราคาดหวัง)
ฟังดูเป็นเรื่องยากที่กลุ่มผู้พิการจะฝึกเป็น AI Trainer แต่จริง ๆ แล้วงานของกลุ่มผู้พิการเป็นเรื่องการจัดระเบียบข้อมูลปริมาณมาก เพื่อให้ AI นำข้อมูลเหล่านี้ไปเทรน ปัจจุบันทีม Vulcan กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มในการบริหารจัดการข้อมูล ซึ่งจะทำให้กลุ่มผู้พิการเพียงฝึกฝนการใช้แพลตฟอร์มของเราซักระยะ ก็สามารถที่จะมาเป็น AI Trainer ได้เลย
หากแนวคิดของเราถูกต้อง เราจะได้กลุ่ม AI Trainer อัจฉริยะ ที่ “โดยเฉลี่ยแล้ว” สามารถจัดการข้อมูลได้ด้วยประสาทสัมผัสพิเศษที่เหนือกว่าคนไม่พิการ (จัดการข้อมูลได้เร็วกว่า ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงกว่า) และกลุ่มผู้พิการกลุ่มนี้ที่เป็น AI Trainer จะมีสถานะเป็น Data Ownership หรือ “เจ้าของข้อมูล” นั่นแปลว่า หากข้อมูลถูกนำไปสร้างรายได้ (Monetized) ผู้พิการกลุ่มนี้ก็จะได้รับ Revenue Sharing จากรายได้ที่เกิดจากข้อมูลดังกล่าว
ถ้าคุณเชื่อว่า Data is a new oil คุณน่าจะเห็นตรงกันเราว่านี่คือสิ่งที่สร้างคุณค่าให้กับงานของผู้พิการอย่างแท้จริง และก็แปลว่าพวกเขาจะมี Lifetime Revenue ตราบเท่าที่ Data Set เหล่านี้ถูกใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจ
เรามองว่าแนวคิดนี้คือการแก้ปัญหาที่ต้นตอ
1. สร้างงานที่กลุ่มผู้พิการมีศักยภาพที่ทำได้ดีกว่าคนไม่พิการ
2. งานนี้จะทำให้เกิดทรัพย์สินทางปัญญา
3. ทรัพย์สินทางปัญญาเมื่อสร้างรายได้ รายได้จะถูกปันกลับไปให้กลุ่มผู้พิการ ทำให้สามารถพึ่งตนเองได้โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากสังคมเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต
4. คนพิการไม่ใช่พลเมืองชั้นสองที่ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ /เอกชน แต่มีศักยภาพพิเศษที่สามารถผลิตวัตถุดิบสำหรับสร้างทรัพย์สินทางปัญญาที่ประเทศไทยกำลังต้องการมากที่สุดในโลกยุคหน้า นั่นคือ “ธุรกิจข้อมูล”
ผลตอบแทนและรายได้ ทุกคนจะได้เงินเดือนประจำ 9,000 บาท ต่อเดือน + เงินปันผล 30% จากการขายข้อมูล อย่างที่บอกไปว่าเราจะมีระบบในการติดตาม Performance ฉะนั้นผลตอบแทนจะขึ้นกับคุณภาพและปริมาณการเทรนของแต่ละคน ใครที่เทรนมากก็ได้มาก เทรนน้อยได้น้อยแบบแฟร์ ๆ
Vulcan เอาเงินจากไหนมาจ่ายเงินเดือน ?
Partners จะเป็นผู้จ่ายเงินเดือนพนักงาน ซึ่งกฎหมายระบุว่า
บริษัทจะต้องจ้างงานคนพิการในอัตรา 100:1 หากไม่ว่าจ้างก็ต้องจ่ายเข้ากองทุนพัฒนาชีวิตคนพิการ ดังนั้นแทนที่ Partner จะจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนฯ ก็นำมาจ่ายให้พนักงานโดยตรง ส่วนนี้ Partner จะไม่มี Cost เพิ่มเติมแถมยังจะได้สิทธิการเข้าใช้ Data ในราคาพิเศษอีกด้วย
Vulcan มีเป้าหมายจะเพิ่มพนักงาน 10x ทุกปี และใน 10 ปี Vulcan จะเป็นส่วนในการขับเคลื่อน GDP ให้ได้ 1% ไม่ว่าจากภาคธุรกิจ หรือรัฐที่จะ Drive ด้วย Data ซึ่งเทรนด้วยคนพิการ
ถ้ากลุ่มผู้พิการว่างงานเกือบ 300,000 คนในประเทศไทยได้ทำงานที่ถูกออกแบบมาสำหรับพวกเขาโดยเฉพาะและงานเหล่านั้นเป็นกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตอลของประเทศไทยได้
**ข้อมูลทางกฎหมายเพิ่มเติม**
ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 มาตรา 33 กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการต้องรับคนพิการเข้าทำงานตามลักษณะของงานในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติงานในสถานประกอบการ ทั้งนี้ ตามกฎกระทรวงกำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าทำงาน และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2554 ซึ่งจะบังคับใช้ในวันที่ 26 ตุลาคม 2554 กำหนดอัตราไว้ที่ 100:1
ถ้าบริษัทไม่จ้างไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม ต้องจ่ายเข้ากองทุนพัฒนาชีวิตคนพิการ (ค่าแรงขั้นต่ำ x 365)
