จะทำอย่างไร? เมื่อความฝันของเรา ขัดใจพ่อแม่

Pisinee Thantracheevatorn
WEDO
Published in
2 min readAug 11, 2021

ทุกคนเคยคิดไหมคะว่าถ้าวันนึงความฝัน หรือสิ่งที่เราอยากทำไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางคนในครอบครัว จะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร? แค่คิดก็ดูไม่ง่ายเลยใช่ไหมคะ แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอค่ะ

วันนี้เราได้มีโอกาสร่วมฟังบรรยายงาน ConNEXT Virtual Job Fair and Career Talk 2021 powered by Techsauce ในหัวข้อ จะทำอย่างไร เมื่อสิ่งที่อยากเป็น ขัดใจพ่อแม่ เลยอยากมาแชร์เรื่องราวและวิธีแก้ปัญหานี้จากพี่อาร์ท-อภิรัตน์ หวานชะเอม, Chief Digital Officer, SCG Cement-Building Materials ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ตรงในการเลือกทำตามความฝันและทำในที่ตนเองรัก แม้จะขัดกับความคาดหวังของครอบครัว

Cr. ConNEXT Virtual Job Fair and Career Talk: session 2

“ ผมอยากเรียนคณะสถาปัตย์ครับ”

เรื่องราวอุปสรรคของพี่อาร์ทเริ่มต้นจากประโยคนี้ พี่อาร์ทเล่าว่าตนเองรู้ตัวว่าชอบเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย จนทุกคนในบ้านสนับสนุนให้เลือกเดินทางสายนี้ และต่างก็คาดหวังว่าพี่อาร์ทจะต้องเข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ จนกระทั่งวันนึงพี่อาร์ทบอกกับครอบครัวว่าอยากเรียนคณะสถาปัตย์ ซึ่งในตอนนั้นภาพจำของเด็กสถาปัตย์คือหนุ่มผมยาว แต่งตัวไม่เรียบร้อย ในขณะที่เด็กวิศวะถูกจำในรูปแบบนักวิชาการ แต่งตัวดี เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นขัดแย้งกันในครอบครัว

ควรทำอย่างไร ถ้าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นกับเรา?

เมื่อมองกลับไปในตอนนั้นพี่อาร์ทคิดว่าตนเอง “ Handle กับสถานการณ์นั้นไม่ดีพอเพราะขาดการ Empathy” ลืมมองในมุมของคนที่รักเราทำให้ไม่เข้าใจความคิดของคนในครอบครัวจนเกิดความขัดแย้ง ทั้งที่สิ่งที่ควรทำคือ

  1. ใช้ความรักเป็นแกนเชื่อมเราและครอบครัวเข้าด้วยกัน เพราะความรักเป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายมีให้กัน
  2. มองจากเลนส์ของเขา ถ้าเรามองในเลนส์ของเราก็จะไม่มีทางรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง พยายามเข้าใจพ่อแม่ให้มาก
  3. แสดงความเป็นผู้ใหญ่ ทำให้พ่อแม่เห็นว่าเราเป็นผู้ใหญ่ พร้อมที่จะเลือกทางเดินของตนเอง เลี่ยงการเถียงและการใช้อารมณ์เพราะทำให้ถูกมองว่าเป็นเด็ก

ทำยังไงถ้าเรียนจบแล้วแต่ยังหาตัวเองไม่เจอ?

self esteem = ที่สุดของชีวิตใครคนนึง

ตัวตนของเราไม่ใช่การรู้ว่าอยากทำอะไร เราเป็นคนแบบไหน แต่คือเราอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้โลกนี้ การลองถามตนเองว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร? ใช้ชีวิตยังไงที่เรารู้สึกว่าคุ้มค่า? การลองใช้ชีวิต เจอสิ่งต่าง ๆ จะสามารถตกตะกอนความคิดได้ว่าตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคนคืออะไร และอยากจะผลักดันอะไรให้โลกนี้บ้าง

passion = สิ่งที่ทำแล้วมีความสุข

ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำหรือคนอื่นบอกให้ทำ

การหา passion เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าหาตัวตนของเรา เพราะ passion มักนำไปสู่การค้นพบตัวตนของตัวเอง ควรหา passion โดยการลองถามตัวเองว่าทำอะไรแล้วมีความสุข เช่น ชอบกินเลยเป็น full-time eater ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับอาหารใน youtube

การไม่ยอมรับ passion = การใช้ชีวิตในรูปแบบของคนอื่น

หลังจากเจอ passion ของตนเองแล้วเราควรยอมรับความจริงว่าเราอยากทำอะไร ยอมรับว่าเราทำได้เลยไหม ถ้ายังทำไม่ได้ในตอนนี้ก้ไม่เป็นไรเพราะถึงแม้ว่าเราจะทำไม่ได้ในตอนนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้ในอนาคต เช่น อยากท่องเที่ยวรอบโลกแต่สถานการในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวย ตอนนี้อาจจะลองทำในสิ่งที่พ่อแม่ให้ทำก่อน อย่างการทำงานในบริษัทที่มีความมั่นคง

Cr. ConNEXT Virtual Job Fair and Career Talk: session 2

รับมือกับการที่เราเจอความกดดันแต่พ่อแม่กลับตอกย้ำว่าเราไม่เชื่อเองอย่างไร?

  1. รับฟังพ่อแม่
  2. ไม่ใช้อารมณ์ในการพูดคุยกัน เพราะทำให้ข้อมูลที่ได้รับถูกเบี่ยงเบนโดยอารมณ์ กลายเป็นเราไม่เห็นถึงความหวังดีของเขา
  3. เข้าใจว่าพ่อแม่เตือนเพราะความรัก ความหวังดี
  4. พิจารณาว่าสิ่งที่พ่อแม่เคยเตือนเป็นความจริงหรือไม่
  • ไม่เป็นจริงเพราะพ่อแม่ไม่เข้าใจว่าอาชีพที่เราอยากทำเป็นยังไง เนื่องจากปัจจุบันอาชีพหลากหลายมาก ควรอธิบายให้เขาเข้าใจ พร้อมทั้งยกตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนั้นก่อน ถ้าไม่ได้ผลอาจต้องใช้ไม้แข็งคือการตีเส้นให้เห็นว่าชีวิตยังไงก็เป็นของเรา เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกเดินทางที่เราอยากเดินเอง
  • เป็นจริงแบบที่พ่อแม่พูด ต้องยอมรับความจริงแล้วเช็คว่า เราอยากลุยต่อไหม ถ้ามันยากเกินไปอาจเปลี่ยนไปทำแบบอื่นอย่างเช่น จาก youtuber มาทำคอนเทนต์ช่องทางอื่นแทน หรือยอมรับความจริงเชื่อพ่อแม่ว่าเรายังไม่พร้อมในตอนนี้

ทำยังไงดีถ้ามีเป้าหมายแล้วแต่ไปไม่ถึงสักที?

  • ถามตัวเองว่าชอบชีวิตแบบไหนระหว่างทุ่มเทไปสุดตัวกับทางสายกลาง
  • รู้ nature ของตัวเองว่าเหมาะกับอะไร เราเป็นคนประเภทไหนและยอมรับตัวเองในแง่ emotional maturity
  • พี่อาร์ทมักจะเลือกทางแรกซึ่งเต็มไปด้วยความเสี่ยงเพราะว่าสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ มักจะมองปัญหาให้ท้าทาย ปล่อยวางเรื่องต่างๆได้
  • ถ้าเป็นคนที่ค่อนข้าง sensitive อาจเหมาะกับสายกลางมากกว่าแต่ไม่ได้แปลว่าในอนาคตจะไม่สามารถเดินในทางที่แกร่งขึ้นได้ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพว่า ถ้าตอนนี้อยากเป็น youtuber แต่เลือกเดินสายกลาง ทางที่เหมาะอาจเป็นการทำงานในบริษัทที่การเงินมั่นคงและค่อยๆเป็น part time youtuber ไปด้วย

Tips to connect the dot

ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าต้องการ dot ไหนบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดหมายแต่ควรจะรู้วิธีเชื่อม dot ที่เกิดขึ้นมาแบบ random ให้ไปถึงฝันของตนเอง

  • Self-awareness คือการใช้ชีวิตพร้อมกับยืนดูตัวเองอยู่
  • Self-evaluation คือสำรวจตัวเองว่าทำดีพอไหม ควรตรวจสอบตัวเองโดยมี standard ของตัวเองซึ่งสูงกว่าคนอื่น ไม่ใช่วัดตัวเองจาก standard ของคนอื่น
  • Fearless คือกล้าที่จะเสี่ยง ไม่ว่าจะต้องเรียนรู้อะไรเพิ่ม กล้าลงทุนทั้งเวลา ชีวิต หยาดเหงื่อ และน้ำตา
  • Let it be คือการไม่ยึดติด เพราะการยึดติดทำให้เราไม่กล้า ไม่สามารถใช้ศักยภาพเต็มที่ พยายามใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า
  • สรุปสั้น ๆ คือ เราควรรู้ passion ของตนเอง หาตัวเองให้เจอ แล้ว self-monitoring ตนเองว่าเหมาะกับอะไร สามารถ connect the dot ได้ แต่การจะมี dotที่ดีนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไม่ยึดติด กล้าทำสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำโดยมี standard ที่สูงกว่าคนอื่น

ทำงานอย่างไร ให้มี work life balance?

Life is a choice

พี่อาร์ทเล่าให้เห็นภาพโดยการสมมติ Spectrum หนึ่ง ฝั่งขวาสุดเป็น work ส่วนฝั่งซ้ายสุดเป็น life หรือชีวิตนอกเหนือจากการทำงาน ก่อนที่จะเลือกเราควรตระหนักว่าทำไมถึงเลือกฝั่งนั้น และอย่าคิดว่าชีวิตเป็นเส้นตรง เราสามารถไปฝั่งซ้ายหรือขวาได้เรื่อยๆ แล้วแต่ช่วงเวลาและอายุ โดยพี่อาร์ทแบ่งชีวิตตัวเองตามอายุ แล้วดูว่าความสำคัญของแต่ละวัยคืออะไร จากนั้นค่อยเลือกให้เหมาะสม ดูว่าอายุช่วงไหนควรอยู่ตรงไหน แต่สำหรับช่วง COVID-19 มองว่า ถ้า priority แรก คือครอบครัวก็ควรต้องไปทาง work มากขึ้นเพราะสถานการณ์นี้มีความท้าทายด้านเศรษฐกิจมาก ดังนั้นสถานการณ์ทางการเงินควรมาก่อนเวลาที่มีให้ครอบครัว

ชีวิตไม่ใช่แก้วที่แตกแล้วต่อไม่ติด

ก่อนจะจากกันไปพี่อาร์ทยังฝากถึงน้อง ๆ ที่จบใหม่และกำลังจะหางานว่า หลาย ๆ ครั้ง เราอาจเจอเรื่องที่คิดว่าแย่มาก ๆ จนรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาต่อหน้า แต่เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งจะกลายเป็นแค่จุดเล็ก ๆ ในชีวิตให้เรียนรู้ ไม่ว่าจะเลือกอะไรขอให้เราทำเพราะอยากทำ ไม่ใช่ทำเพราะถูกบังคับหรือยอมที่จะทำ ควรมี awareness ยอมรับตัวตนที่แท้จริงและปล่อยผ่านกับสิ่งเล็ก ๆ ซึ่งถ้าน้อง ๆ คนไหนสามารถ let go กับทั้งชีวิตได้ จะสามารถใช้ชีวิตในทุกวันได้อย่างมีศักยภาพมาก

“ Do not be afraid to follow your dream and

live your life the way you want to live it”

--

--