เปิดโลกการทำงานด้าน Solution Architecture สถาปนิกในโลกเทคโนโลยี กับพี่ดู๋ วิษณุ

WEDO
WEDO
Published in
2 min readJul 5, 2022

เมื่อได้ยินคำว่า architect หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงสถาปนิกที่คอยดูแลและออกแบบบ้านให้กับเรา แต่รู้ไหมว่าในโลกเทคโลยี ก็มีส่วนงานที่ทำหน้าที่คล้ายกับการเป็นสถาปนิกด้วยเช่นกัน วันนี้ WEDO จะพาทุกคนไปรู้จักกับอีกหนึ่งทีมที่น่าสนใจอย่าง Solution Architecture โดยเราได้รับเกียรติจากพี่ดู๋ วิษณุ อโณทัยสินทวี Head of Digital Solution Architecture มาแชร์ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ตลอดจนการพัฒนาตัวเอง และแรงบันดาลใจที่พี่ดู๋ได้รับจากการทำงานให้ฟัง จะเป็นอย่างไร มาติดตามกันได้เลย

ก่อนอื่น แนะนำตัวสักเล็กน้อย

สวัสดีครับพี่ชื่อ พี่ดู๋ วิษณุ อโณทัยสินทวี นะครับ จบมาทำงานด้าน IT ได้เกือบ 20 ปีแล้ว ซึ่งก็ทำมาค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่โปรแกรมเมอร์, System Analyst, Machine Learning Engineer และตอนนี้ก็มาเป็น Solution Architect ครับ

ช่วยเล่าเรื่อง Solution Architecture ให้ฟังคร่าว ๆ ก่อนที่จะไปเจาะลึกกันต่อ

สำหรับงาน Solution Architect จะเป็นงานที่คอยหาวิธีการแก้ปัญหาที่ตอบโจทย์ธุรกิจ ทั้งในแง่ design business technology รวมไปถึงต้องรับผิดชอบงาน non-functional requirements ที่ช่วยให้ซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ของเราทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น อย่างเช่น ความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ และพยายาม optimize พวกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ให้ได้ ประมาณนี้ครับ

เปรียบเทียบ Solution Architect กับ Architect ว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?

ที่จริงทั้งสองอย่างนี้จะคล้าย ๆ กันระดับนึง เพราะสถาปนิกจริง ๆ จะเป็นคนสเก็ตซ์ภาพขึ้นมา แต่ที่พี่เป็นจะเหมือนช่างที่ดีไซน์ blueprint ของบ้านออกมา ถ้าเปรียบเทียบก็คือ เวลาเราจะสร้างบ้าน เราก็จะต้องจ้างสถาปนิกในการออกแบบบ้าน แต่การที่เราจะสร้างบ้านได้ตามแบบที่สถาปนิกออกแบบมานั้น ก็จะต้องมีช่างคนนึงที่รู้ว่า บ้านแบบนี้ต้องวางท่อน้ำยังไง เดินสายไฟยังไง แบบนี้เรียกว่าเป็น blueprint เพื่อให้ช่างสามารถเอา blueprint ตัวนี้ไปทำเป็นบ้านจริงขึ้นมาได้ ซึ่งอันนี้ก็คือเป็นโครงสร้างของบ้าน ส่วนพวกรูปร่างหน้าตา ภายในจะ built in ยังไงก็จะเป็นส่วนของทาง Developer ที่เขาจะทำให้ตรงตามแบบแปลนครับ

งานด้าน Solution Architecture คืออะไร มีบทบาทอย่างไร และทำงานเกี่ยวข้องกับทีมไหนบ้าง

จริง ๆ งาน Solution Architect เป็นงานที่ต้องทำร่วมกับหลาย ๆ ทีมมากเลยครับ เริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบวิธีการแก้ปัญหาเลย เวลาเราได้โจทย์มาว่าทาง user หรือ business user อยากได้แอปพลิเคชันตัวนึง ก็ต้องหาว่าวิธีไหนที่จะตอบโจทย์ความต้องการแบบนี้ ทำข้อดีข้อเสียในแต่ละวิธีออกมาเปรียบเทียบ และแนะนำว่าวิธีแบบนี้แหละที่ตอบโจทย์กับความต้องการแบบนี้ หลังจากนั้นจึงดีไซน์ต่อ ว่าวิธีที่เราเลือกมาจะมี architecture เป็นอย่างไร ต้องใช้ระบบแบบไหน แล้วก็ถ้าต้องใช้ cloud (เพราะเดี๋ยวนี้แอปพลิเคชันส่วนใหญ่แล้วจะ deploy อยู่บน cloud กันแทบทั้งหมด) เราก็ต้องดีไซน์พวก cloud infrastructure หรือ cloud architecture ด้วย

ดังนั้นการทำงานด้าน Solution Architecture จึงต้องทำงานร่วมกับทีม Business Development ทีม Business Analyst ในการเก็บความต้องการต่าง ๆ เพื่อนำมาออกแบบวิธีการแก้ปัญหาของเรา หลังจากนั้น เราก็ต้องทำงานร่วมกับทีม Infra ทีม Security ทีม Technical Management เพราะ 3 ทีมนี้จะเป็นทีมที่ให้ non-functional requirements เรามาว่าแอปพลิเคชันตัวนี้ควรจะมีความปลอดภัยขนาดไหน หรือต้องรองรับการทำงานของ user โดยระบบไม่ล่ม หรือต้องมีการ back up ข้อมูลยังไง หลังจากได้ข้อมูลเหล่านี้มาแล้ว ก็จะเป็นการทำงานร่วมกับทีม Development หรือ Developer กับทีม Data เช่น Data Engineer, Data Analyst และ ทีม QA ซึ่งเป็น Tester ครับ รวมไปถึงทีม Project Management เพื่อเราจะเป็นตัวช่วยให้ทางทีมสามารทำให้เสร็จได้ตามวิธีแก้ปัญหาที่เราดีไซน์ไว้

จำเป็นไหมที่ Solution Architecture จะต้องจบด้าน IT มาโดยเฉพาะ?

ถ้าถามว่าจำเป็นไหม พี่มองว่าไม่จำเป็นซะทีเดียว ขอแค่ว่าคน ๆ นี้มีความชอบและสนใจในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงมีความรู้ในเรื่องของเทคโนโลยีต่าง ๆ พวกแอปพลิเคชัน หรือซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย หรือถ้าเคยทำงานมาในหลายแอปพลิเคชัน หลายซอฟต์แวร์ก็จะดีมาก เพราะเขาจะเห็นข้อดีข้อเสียต่าง ๆ จากซอฟต์แวร์เหล่านั้นมาก่อน ทำให้เวลาที่เขามาดีไซน์วิธีแก้ปัญหาเขาก็จะรู้ว่าเขาควรหยิบจับซอฟต์แวร์ตัวไหน หรือโมดูล ฟังก์ชันไหนมาใช้งานกับวิธีแบบนี้

การทำงานที่ WEDO ได้ประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเจอบ้างไหม รู้สึกอย่างไรบ้าง อยากให้เล่าให้ฟังหน่อย

พี่ทำงานที่นี่มาเพิ่งครบ 2 ปี ที่นี่ทำให้พี่ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ค่อนข้างเยอะ อย่างแรกคือ การทำงานทางด้าน business ซึ่งพี่ไม่เคยทำมาก่อน ก็ได้มาเรียนรู้ที่นี่เลย ทำให้ต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับ retail business ค่อนข้างเยอะ แล้วก็ประสบการณ์ทางด้าน IoT ด้วย เพราะว่าพี่ไม่เคยมีความรู้ทางด้านนี้ พี่ก็เลยได้มาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพวก IoT มาเรียนรู้ว่ามันทำงานยังไง แล้วก็จะต้องออกแบบ architecture ของ IoT ยังไงให้มันสามารถทำงานได้แบบ scalable หรือว่าแบบ performance ดี scale ได้ รองรับการใช้งานที่เติบโตมากขึ้น รวมถึงให้ระบบเสถียรด้วย เราก็ต้องมาศึกษาด้านนี้เพิ่ม

แล้วก็มีประสบการณ์ด้านการจัดการโปรเจกต์ใหญ่ ๆ พร้อมกันหลาย ๆ โปรเจกต์ด้วย ซึ่งที่นี่เป็นที่แรกเลย เพราะก่อนหน้านี้ เวลาดูแลโปรเจกต์ใหญ่ ๆ พี่ก็จะดูแลโปรเจกต์เดียว พอจบโปรเจกต์นั้นแล้วเราค่อยไปทำโปรเจกต์อื่นต่อ แต่ที่นี่คือเราต้องลงมาลุยเลย ทำหลายโปรเจกต์ใหญ่พร้อมกัน

ความรู้สึกตอนได้ทำโปรเจกต์ใหญ่ ๆ พร้อมกันเป็นยังไงบ้างคะ ท้าทายไหม?

ค่อนข้างท้าทายตัวเองมาก เพราะอย่างที่บอกว่า พี่ไม่เคยทำโปรเจกต์ใหญ่พร้อมกันแบบนี้มาก่อน ทำให้เราต้องปรับตัวและผลักดันตัวเองค่อนข้างมาก เพื่อให้เราสามารถที่จะรับผิดชอบงานให้มันดีเหมือน ๆ กันได้ในทุกโปรเจกต์

เทคโนโลยีในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แล้วการทำงานด้านนี้จะต้องมีเทคนิคอะไรในการพัฒนาตัวเองให้ทันเทคโนโลยีเหล่านั้น

จริงๆ เทคนิคไม่มีอะไรมากเลยครับ แค่เป็นเรื่องของ self-learning เป็นหลัก ที่จะต้องมีในมุมของคนที่เป็น Solution Architect เพราะว่าเทคโนโลยีมันไปไวมาก ทำให้ความรู้ที่เราคิดว่าเราเก่งอยู่แล้วทางด้านนี้ มันอาจจะ outdated ไปในอีกปีนึง หรืออีก 1 เดือนข้างหน้าก็ได้ ทำให้เราต้องพยายามศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ ตลอดเวลา ซึ่ง self learning ตัวนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับ Solution Architect นะครับ ที่จะทำให้เราได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ใน solution ใหม่ ๆ ในแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ของเราได้

ปกติติดตามเทรนด์ด้านเทคโนโลยีจากช่องทางไหนบ้าง

จริง ๆ พยายามจะเรียนคอร์สออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยเราพอสมควร เช่น Coursera, Udemy ซึ่งเราก็จะไปลงเรียนไว้เพื่อตามเทคโนโลยีให้ทัน และตรงกับจุดที่เราสนใจอยากเรียนรู้ได้ด้วย โดยการเสิร์ชชื่อคอร์สที่เราต้องการรู้ ณ เดี๋ยวนั้น แล้วก็มีไปอัปเดตเทคโนโลยีจากเว็บไซต์ Gartner ด้วย เป็นเว็บไซต์ที่จะคอยอัปเดตเทคโนโลยีที่กำลังมาในโลกของเราเป็นอะไรบ้าง เช่น IoT ก็จะมีเกี่ยวสิ่งที่กำลัง top 10 ในด้านนั้นด้วย รวมถึงการติดตามเพจในเฟซบุ๊ก เวลามีข่าวสารใหม่ ๆ เขาก็จะอัปเดตในเพจของเขา แล้วก็เรียนผ่าน Youtube ด้วยครับ

คิดว่างานด้าน Solution Architecture มีเสน่ห์ตรงไหน

มีเสน่ห์ตรงที่ทำให้เราต้องกระตือรือร้นตลอดเวลา เพราะว่าเราต้องคอยตามอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ ๆ และก็ทำให้เรากลายเป็นคนรอบคอบ เพราะการที่เราจะออกแบบวิธีการแก้ปัญหาอะไรสักอย่างเพื่อให้ใช้งานได้จริง เราก็ต้องมองภาพใหญ่ให้มันทะลุ ว่าแอปพลิเคชันนี้ใช้ทำอะไร หรือมีอะไรที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น เราคิดทุกอย่างให้รอบคอบ มองทุกอย่างให้ทะลุ นอกจากนั้นก็คือ การทำให้เราได้เจอเพื่อนใหม่ ๆ ในหลากหลายอาชีพ เช่น เจอ business user ที่น่ารักจนทำให้เราเป็นเพื่อนกัน และทำให้เกิดมิตรภาพใหม่ ๆ ขึ้นตลอดเวลา

การทำงานด้านนี้สร้างแรงบันดาลใจอะไรให้กับตัวเองบ้าง

พองานด้านนี้ทำให้เราต้องกระตือรือร้น มันก็กลายเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้เราอยากเก่งขึ้น เพราะสิ่งที่เราเคยคิดว่าตัวเราเก่ง จริง ๆ แล้วพอมาอีกเดือนนึงหรือปีนึง เราอาจจะไม่เก่งแล้ว ทำให้เราอยากจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น เพื่อที่เอาความเก่งของเรามาช่วยทีม และทำภารกิจของทีมให้บรรลุร่วมกันได้

และนี่ก็คือเรื่องราวประสบการณ์ทำงานด้าน Solution Architecture จากพี่ดู๋ เชื่อว่าผู้อ่านทุกคนน่าจะได้รับความรู้ใหม่ ๆ ไปพร้อม ๆ กับการเปิดโลกอีกสายงานด้านเทคโนโลยีของ WEDO และยังได้รับแรงบันดาลใจดี ๆ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาตัวเองกันอีกเพียบ ในบทความหน้า เราจะพาไปคุยกับพี่คนไหนใน WEDO รอติดตามกันได้เลย!

เรียบเรียงโดย ทูทู ธยาน์ อังธนานุกุล Digital Content & Campaign Specialist, WEDO

--

--