พลิกธุรกิจให้ดัง! เพียงฟังเสียงผู้บริโภคให้เป็น ด้วยตัวช่วยที่ดีอย่าง Social Listening Tools

Tanart Chaowanakawee
zanroo blog
Published in
2 min readAug 31, 2018

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจเปลี่ยนช่องทางการสื่อสารต่อผู้บริโภคยุคใหม่ โดยอาศัยพฤติกรรมที่ชอบบริโภคข้อมูลหรือติดตามข่าวสารบ้านเมืองผ่านช่องทางต่างๆ ของโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Twitter, Instagram, YouTube หรือแม้กระทั่งจากบล็อกและเว็บบอร์ดในกระแสสังคม เช่น Pantip, Dek-D เป็นต้น เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งยวดของนักธุรกิจยุค 2018 ที่ต้องใช้ ‘หูตา’ สดับรับฟังสิ่งรอบตัวให้กว้างไกลเพียงพอ! ทั้งการสอดส่องความสนใจ ความคิดเห็น ความพึงพอใจ รวมถึงความต้องการของผู้บริโภค เพื่อนำไปพัฒนาสินค้าและบริการของตนเองให้ดียิ่งขึ้น หรือโดนใจยิ่งกว่าเดิม!

แล้วตอนนี้… คิดว่าธุรกิจของเรา มีหูตาเป็นสัปปะรดเพียงพอแล้วหรือยัง?

ว่ากันว่า หลักการทำงานทั่วไปให้ได้ผลดี คือ ‘ทำให้มาก พูดให้น้อย ต่อยให้หนัก ‘ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการแข่งขัน แย่งชิงพื้นที่ทางธุรกิจบนโซเชียล เน็ตเวิร์กได้ดีไม่ใช่น้อย แต่อาจต้องเปลี่ยนคอนเซ็ปต์บางอย่างดังเช่น ‘ฟังให้มาก พูดให้น้อย ต่อยให้ตรงจุด’ น่าจะเข้าท่ากว่า เพราะการสอดส่อง/รับฟังเสียงจากผู้บริโภค เป็นหัวใจหลักอย่างหนึ่งของการให้บริการที่มีคุณภาพ รวมถึงการเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เป็นสิ่งที่การทำธุรกิจบนตลาดโซเชียล มีเดีย ควรให้ความใส่ใจ ก่อนจะเกิด ‘Crisis’ ที่มีผลกระทบต่อแบรนด์ตามมา ดังนั้นการมีหูตาเป็นสัปปะรดสุดๆ คงต้องถูกนำมาใช้สำหรับการสำรวจแนวโน้มความต้องการของตลาดบนโซเชียล รวมถึงสังเกตกลยุทธ์ และจับผิดจุดบกพร่องของคู่แข่ง แล้วนำมาพัฒนาต่อยอดธุรกิจของตนเองให้เหนือชั้นกว่า

นักธุรกิจปี 2018 จึงควรมีตัวช่วยดีๆ อย่าง ‘Social Listening Tools’ ที่นอกจากจะเป็นเครื่องมือ ‘ฟังเสียง’ ตามชื่อของมันแล้ว ยังสามารถพลิกวิกฤตทางธุรกิจ ให้เป็นโอกาสได้อย่างน่ามหัศจรรย์ทีเดียว

การสร้างธุรกิจให้ดัง! จึงต้องฟังเสียงผู้บริโภคให้เป็น และต้องมีเครื่องมือที่ดีมาช่วยเราฟังด้วย!

1. Social Listening Tools ช่วยให้เรารู้จักผู้บริโภค และรู้จักกลุ่มเป้าหมาย:

ด้วยความสามารถของเครื่องมือการฟังเสียงบนโลกโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ก จะทำให้เรารู้จักพฤติกรรมของผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เพศ วัย อายุ เป็นต้น ทำให้รู้ว่าพวกเขากำลังมีความสนใจเรื่องอะไร พูดถึงสิ่งไหน และรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอย่างไรต่อสินค้าและการบริการในตลาดเดียวกับเรา

2. Social Listening Tools ช่วยให้เรารู้จักสินค้าและบริการของตัวเอง:

เมื่อผู้บริโภคหรือกลุ่มเป้าหมายมีการพูดถึง (Mention) สินค้าและบริการของเรา เจ้าเครื่องมือนี้ จะสามารถช่วยทำให้เรารู้ได้ทันทีว่า แบรนด์ถูกพูดถึงในแง่บวก ลบ และเป็นกลางอย่างไร ทำให้เรารู้ว่าควรพัฒนาต่อยอดสินค้าและบริการไปในทิศทางไหน และรู้ว่าเรามีจุดอ่อน-จุดแข็งในการทำธุรกิจอย่างไร เป็นต้น

3. Social Listening Tools ช่วยให้เรารู้จักคู่แข่ง:

การรู้ว่าคู่แข่งกำลังทำอะไร และได้รับความนิยมมากน้อยเพียงใด บนโลกโซเชียล มีเดีย ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม ทำให้แบรนด์ของเราสามารถนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ และสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ นำหน้าเหนือคู่แข่งได้อีกระดับหนึ่ง

4. Social Listening Tools ช่วยให้เราทันกระแสโลก:

การมีผู้ช่วยที่หูตากว้างไกล จะสามารถทำให้เรารู้ว่า ในโลกของโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ก มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางไหน เรื่องอะไรที่กำลังอยู่ในกระแสหลัก กระแสรอง เพราะการตกข่าวคงไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับนักธุรกิจยุคดิจิตอลแน่นอน

5. Social Listening Tools ช่วยให้สร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ และโอกาสทางธุรกิจ:

ข้อมูลทุกอย่างที่เจ้าเครื่องมือนี้ สามารถประมวลผลได้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการสร้างกลยุทธ์ที่เข้มแข็งทางธุรกิจ ช่วยสกัดปัญหาที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของสินค้าและบริการได้ทันท่วงที ทำให้มีโอกาสในการพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เราควรตระหนักว่า การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในยุคดิจิตอล ไม่ได้อาศัยแค่การมีเครื่องมือที่ดีเป็นตัวช่วยเท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายปัจจัยที่เรายังต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของสินค้าและบริการ การสร้างความน่าสนใจ และเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ความจำเป็นในการนำมาใช้ประโยชน์ และอีกมากมายที่เราต้องคำนึงถึง

เพราะตัวช่วยสุดปังบวกกับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพเท่านั้น จึงจะพากันไปถึงฝั่งฝันในโลกของความเป็นจริงได้

อ่านเพิ่มเติมได้ที่

https://zanroo.com/blog/

--

--