รีวิวค่ายม. ปลายจากเสื้อ ผ่านมุมมองเด็กมหา’ลัยคนหนึ่ง | Part 2/2

Pattranit Kongsaenkam
5 min readJan 31, 2020

--

บทความนี้ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

บทความเรื่องนี้มีทั้งหมด 2 พาร์ท พาร์ทละ 3 ค่ายตามนี้เลยค่ะ

Part 1 : Back to read

  • รีวิวค่าย Idia Camp 6
  • รีวิวค่าย IT Camp 13
  • รีวิวค่าย YSAC6

ป.ล. ใครยังไม่ได้อ่านพาร์ทแรก ไปอ่านกันได้ฮะ !

Part 2 : The current part

  • รีวิวค่าย JWCx
  • รีวิวค่าย WIP Camp #10
  • รีวิวค่าย TWC04

จากพาร์ทที่แล้วที่ปัดรีวิวค่าย Idia Camp 6, IT Camp 13 และ YSAC 6 ไปนั้น จะเห็นได้เลยว่าประสบการณ์ทุก ๆ อย่างที่อาจไม่มีวันได้รับนั้นมีโอกาสเกิดกับเราได้ทุกที่ทุกเวลาจริง ๆ ยันความรักเลย แต่ละค่ายก็มีข้อดี — ข้อเสียแตกต่างกันไปแล้วแต่ความชอบ รสนิยม และประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมา แต่เราก็ยังคงสามารถสั่งสมประสบการณ์ต่อไปได้เรื่อย ๆ ตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นแล้ว มาติดตามการเดินทางหาประสบการณ์จากค่ายต่าง ๆ อีก 3 ค่ายสุดท้ายก่อนที่ปัดจะจบชั้นม. ปลายกันเลยค่ะ :)

ค่าย Junior Webmaster Camp X (JWCx) — สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย @ KMITL

สปอนเซอร์เยอะมากค่ายนี้ !
จริง ๆ สีเสื้อค่ายหลักเป็นแบบ Front ค่ะ รูป Back นี่กล้องปัดเพี้ยนมาก

ค่าย JWCx นี้เป็นค่ายที่ขออนุญาตแยกออกจากค่ายที่ทางมหาวิทยาลัยจัดอย่างค่ายอื่น ๆ เพราะว่าค่ายนี้ไม่ได้จัดโดยทางมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด เพียงแต่ใช้คณะต่าง ๆ เป็นสถานที่ใช้ในการจัดค่ายเท่านั้น ซึ่งในแต่ละปีก็จะใช้สถานที่จัดต่างที่กันไปค่ะ

ค่ายนี้เป็นค่ายที่มีอิทธิพลกับชีวิตของปัดมาก เพราะได้เจอประสบการณ์ exclusive มากมายไม่ว่าจะเป็นการทำเว็บแล้วมีพี่กรรมการกิตติมศักดิ์มาช่วยให้คอมเมนต์ อีกทั้งลุยงานกันอย่างดุเดือดมาก มีคุณภาพมากทั้ง ๆ ที่เป็นค่ายที่มีน้องค่ายม. ปลาย เพียง 48 คนเท่านั้น เป็นค่ายที่ทำให้ปัดรู้จักวัฒนธรรมการทำงานที่หลากหลายตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งส่งผลให้ตอนนี้ปัดมีแนวคิดที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ใจกว้าง อดทน รับฟังคนอื่นและทำงานร่วมกับคนอื่นด้วยวิธีการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้เลยค่ะ

รีวิวเสื้อค่าย

เสื้อค่ายที่แจกจริง ๆ มีแค่ตัวสีน้ำเงินแกมเขียวค่ะ ส่วนตัวสีดำนั้นมีขายในค่ายพอดีเนื่องในโอกาสครบรอบ JWC ปีที่ 10 ค่ะ (จากนี้ไป ขอเรียกว่าค่ายเจ / ค่าย J10 นะคะ) ในเรื่องของสีนั้น ปัดชอบตัวสีน้ำเงินนะ โดยเสื้อข้างหลังนั้นอัดสปอนเซอร์ได้จัดหนักจัดเต็มมาก แต่ด้วยความที่ตัวโลโก้ที่อยู่ตรงอกและโทนสีเสื้อที่เป็นโทนนี้นั้น มันทำให้แอบคิดว่าเหมือนเสื้อยืดทหารอยู่เหมือนกันค่ะ 555 ส่วนในตัวสีดำปัดว่าสวยดี ที่มีการเอามาสคอตประจำสาขาไว้ด้านหน้าใหญ่ ๆ และด้านหลังมี quote เท่ ๆ ประจำสาขาเช่นเดียวกัน แต่ก็อาจนำมาแต่งตัวได้ไม่หลากหลาย เช่น ไม่สามารถเอาเสื้อใส่ในกางเกงได้ เพราะจะทำให้ไม่สามารถโชว์ลวดลายมาสคอตสาขาด้านหน้า ซึ่งเป็นจุดขายของเสื้อนี้ได้ค่ะ

สิ่งที่ยังคงเหลือตราตรึงอยู่ในใจ

  • การทำงานเป็นทีมที่จริงจังครั้งแรก
    ที่ผ่านมา หลากหลายค่ายต่างมีให้ลองทำกิจกรรมหรือทำงานเป็นกลุ่มอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลองเขียนแผนผังอะไรสักอย่างลงกระดาษแผ่นใหญ่ หรือการลองช่วยกันสร้างสิ่งประดิษฐ์มากมาย แต่ว่าค่ายนี้แตกต่างออกไปมาก เพราะเพื่อนในทีมหรือในบ้านทุกคนต้องช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ และวางแผนระบบการทำเว็บไซต์ร่วมกันอย่างจริงจัง ใครจะออกแบบโลโก้ โลโก้นี้ให้อารมณ์แบบใด โฟลว์เว็บเป็นอย่างไร คอนเทนต์ที่จะมีให้ผู้ใช้งานได้เสพมีอะไรบ้าง และแผนการตลาดที่จะทำให้เว็บของเราอยู่ยืนนานต่อไปโดยไม่เจ๊ง อีกทั้งยังรวมถึงสิ่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการทำเว็บไซต์ทั้งหมด ทุกคนล้วนต้องช่วยกันคิด และปรึกษาถามพี่ ๆ ซีเนียร์พร้อมรับคำแนะนำอย่างจริงจัง เพื่อที่จะได้นำมาประยุกต์ใช้ให้เว็บของทีมเจ๋งที่สุดค่ะ
  • การได้ลองทำ Web Content ครั้งแรก
    ในตอนที่สมัครค่ายสาขาคอนเทนต์นี้ ในใจคือมีแต่ว่าเราเป็นคนชอบเสพสื่อ ชอบอ่านนิยาย ชอบเขียน คิดเพียงแค่นั้น เลยลองตั้งใจสมัครดู แต่พอได้เข้ามาในค่ายก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากมาย แล้วพบว่า ก่อนหน้านี้ เราไม่ได้รู้จักคำว่า ‘คอนเทนต์’ ดีเลยนี่หว่า คอนเทนต์ไม่ใช่แค่การเขียน แต่มันคือทุกสิ่งเลยจริง ๆ ทุกอย่างที่เราต้องการให้ผู้เสพได้รับรู้ แล้วยังเป็นสาขาที่ช่วยออกแบบเว็บคร่าว ๆ ด้วยว่าเว็บเราจะทำอะไร มีอะไรบ้าง พร้อมทั้งเป็นสาขาที่สร้างความแปลกใหม่ต่าง ๆ มากมาย ทำให้ปัดรู้สึกภาคภูมิใจกับสายงานคอนเทนต์นี้มากขึ้นเยอะเลยทีเดียวค่ะ แล้วหลังจากที่พอได้เรียนรู้เรื่องลิขสิทธิ์คร่าว ๆ ก็ทำให้มีแรงผลักดันมาก ๆ ว่าจะต้องปั้นคอนเทนต์ลงเว็บเองจริง ๆ นะ จึงเกิดเป็นบทความไม่ยาวมากเกี่ยวกับเทรนด์การแต่งตัวด้วยยีนส์บทความหนึ่ง ประกอบเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเว็บ Outstrip ที่สร้างจากทีมของเรานั่นเองค่ะ
  • การมีที่นอนดี ๆ แต่ไม่ได้นอน
    ในปีของปัดนั้น มีที่พักดีมาก ๆ บรรยากาศน่านอน เตียงก็นุ่ม แต่ก็ตามที่เห็นในหัวข้อเลยค่ะ พวกเราไม่ได้นอนกันจริง ๆ เพราะช่วยกันคิดเรื่องเว็บที่จะทำ ซึ่งในค่ายระยะเวลา 3 วัน 2 คืนนี้ เวลานอนของปัดรวมทั้งหมดจนจบค่ายมีเพียงแค่ 4 ชม. เองค่ะ ตีได้เป็นคืนละ 2 ชม. แอบช็อกคัลเจอร์ Hackathon นี้เหมือนกัน แต่ว่าก็ผ่านมาได้แล้วรู้สึกว่าเป็นประสบการณ์การทำงานที่เจ๋งมาก ๆ เลยค่ะ

ป.ล. Hackathon คือการสร้างสิ่งต่าง ๆ หรือทำบางสิ่งบางอย่างภายในระยะเวลาที่กำหนดให้เสร็จโดยมักเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ ซึ่งในค่าย JWC นี้มีเวลาให้ลงมือทำเว็บไซต์กันจริง ๆ เพียง 8 ชม. เท่านั้นเองค่ะ สุดจัดมาก !

  • การได้เจอคนที่มีอุดมการณ์ ทัศคติที่แรงกล้าและตรงกัน
    เป็นอะไรที่ดีต่อใจปัดมากจนถึงตอนนี้ค่ะ เพราะในขณะที่ค่ายอื่น ๆ นั้นมีผู้คนหลากหลายมากมาย แต่ด้วยเพราะความต่างมากมายกันเกินไปนี่แหละ ที่ทำให้ปัดไม่ค่อยได้พบเจอคนที่มี passion แรงกล้ากับบางสิ่งบางอย่าง ในขณะที่ค่ายเจนี้ประชากรในค่ายน้อย แต่ทุกคนล้วนมีความตั้งใจ ความชอบและทัศนคติต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เที่ยงตรงและแรงกล้ากันอย่างแท้จริง เห็นได้จากตอนที่มีกิจกรรมสันทนาการ ‘ดีเบตเรื่องการศึกษา’ ซึ่งในกิจกรรมนี้ ทุกคนกล้าแสดงออกและกล้าแสดงความคิดเห็นกันอย่างออกรสและมีเหตุมีผลมากเลยค่ะ
  • การได้รู้จักคำว่า Brain storm ครั้งแรก
    จากการที่ปัดไปค่ายต่าง ๆ มานั้น ก็มีกิจกรรมเรียน ๆ เล่น ๆ เต้น ๆ เป็นช่วง ๆ แต่ไม่เคยได้ยินคำว่า brain storm มาก่อนในชีวิตเลยค่ะ จนกระทั่งพี่ค่ายบอกว่า

‘เอาล่ะครับ พี่จะปล่อยให้น้อง ๆ brain storm กันเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่น้องจะทำนะครับ’

ปัดงงเลยค่ะว่าต้องทำอะไรยังไง brain storm คืออะไรวะเพื่อน ซึ่งพอถามคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็ล้วนงงงวยกัน แต่พอได้รู้จุดประสงค์ว่าจะต้องมีการสร้างเว็บไซต์กับทีม ทีมละ 1 เว็บนั้น ก็ทำให้พอเข้าใจกระบวนการ brain storm ไปโดยปริยายค่ะ

  • การได้พบเจอแต่คนที่น่าทึ่งในความสามารถ
    เรื่องนี้เป็นอะไรที่เจ๋งมาก ๆ กับครอบครัว JWC อีกเรื่องค่ะ ที่เพื่อนค่ายนี่อายุน้อยกันเยอะมาก หลาย ๆ คนเพิ่งจบจาก ม. 3 แต่ประสบการณ์และคลังความรู้ความสามารถเยอะกว่าปัดเสียอีก แถมยังมีไอเดียล้ำ ๆ ในการสร้างเว็บไซต์มากมาย จนบางคนที่เป็นน้อง แต่ปัดก็เคารพไม่ต่างจากพี่ค่ายเลยค่ะ การได้เจอคนเก่ง ๆ แบบนี้ มันช่วยให้เรากระตือรือร้นในการหาความรู้เพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าตัวเลยค่ะ
  • ความผิดพลาดในการ pitching ที่ยังคงเป็นบทเรียนที่ดีมากยันตอนนี้
    หลังจากที่ผ่านพ้นชั่วโมงอันตึงเครียดกับการ hackathon ทำเว็บไซต์ไป ในวันต่อมาแต่ละทีมก็ต้องมาพรีเซนต์หรือ pitch เกี่ยวกับเว็บที่ทีมทำพร้อมบอกแผนการตลาดปัง ๆ ให้พี่กรรมการหลายท่านฟังด้วยค่ะ แต่ทีมของปัดมีปัญหาเรื่องสไลด์การพรีเซนต์ ที่ก่อให้เกิดเป็นดรามาเล็ก ๆ ภายในค่าย ซึ่งในตอนนั้นปัดทั้งห้วร้อน หัวเสีย และเสียใจค่ะ เป็นความรู้สึกที่ได้มาจากการทำงานจริง ๆ และไม่คิดว่าจะได้รับจากที่อื่นแล้ว เป็นความรู้สึกผิดหวังเกี่ยวกับงานที่ทำลงไป ซึ่งพอมานึกย้อนดูแล้ว ปัดรู้สึกดีใจมากเหมือนกันที่ได้เจอกับความผิดหวังอย่างแรงในรูปแบบนั้น มันเป็นบทเรียนเกี่ยวกับการทำงานเป็นทีม การทำงานสายไอทีที่ดีมากที่ในตอนนี้ ตัวปัดเองก็ยังคงนำมาประยุกต์ใช้อยู่ค่ะ
  • การร้องไห้ที่หนักหน่วงตั้งแต่ขึ้นรถกลับบ้านหลังจบค่ายยัน 3–4 ทุ่ม
    สืบเนื่องมาจากข้อข้างบนกับความผิดหวังในการทำงานในค่าย ที่เราหวังไว้ว่าอยากให้มันออกมาดีกว่าที่เป็น และข้อผิดพลาดอื่น ๆ ที่ทีมร่วมกันทำโดยไม่รู้เดียงสา พอขึ้นรถมา ยังไม่ทันเคลื่อนรถออกจากหน้าคณะ และไม่ทันได้พูดคุยกับครอบครัว ปัดก็ร้องไห้ออกมาหนักมาก ๆ หนักแบบไม่เคยหนักมาก่อน เพราะโดยปกติแล้ว หลังจบค่ายค่ใด ๆ ก็ตาม ปัดไม่เคยร้องไห้เสียใจเลย ตอนนั้นปัดน่าจะมีความรู้สึกเสียดายเต็มไปหมดว่าไม่น่าทำอย่างงั้นอย่างงี้เลย ต่าง ๆ นานา แถมพ่อที่นั่งรถมารับปัดกลับบ้านด้วยก็ด่าซ้ำอีกว่าจะร้องไห้ทำไม กลายเป็นว่าพ่อไม่เข้าใจว่าเราผิดหวังมากขนาดไหน แต่ดีที่พี่สาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ช่วยบอกพ่อให้ว่า
    ‘น้องมันตั้งใจทำงาน หวังไว้สูง พอผิดหวังเลยเป็นแบบนี้แหละพ่อ’
    พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรอีกจนกลับมาถึงบ้านที่ชลบุรี ปัดกินข้าวแต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับที่บ้านมากมาย เพราะยังคงรู้สึกจุก ๆ อยู่ในอก
    จนได้คอลกับพี่คนนึง คนที่ปัดเมนชันถึงในค่าย IT Camp 13 แหละค่ะ ปัดระบายให้พี่เค้าฟ้งถึงความหงุดหงิดมากมาย พี่เค้าก็รับฟังและช่วยให้กำลังใจจนปัดหยุดร้องไห้ได้ แต่กว่าจะหยุดร้อง ก็ปาไป 3–4 ทุ่มเลยค่ะ ตื่นเช้ามาเลยตาบวมหนักมากเกือบ 3 วันเลยค่ะถึงจะหาย
    ปัดเชื่อว่าที่ปัดร้องไห้หนักมากนั้น เป็นเพราะว่าเพิ่งได้เจอประสบการณ์การทำงานจริงจังเป็นครั้งแรกที่เต็มที่มาก แต่ผลสุดท้ายไม่ออกมาตามที่หวังไว้ ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ปัดเคยผิดพลาดไว เพราะปัดจะได้เรียนรู้ไวและใจกว้างพร้อมรับฟังคนรอบข้างกับเรื่องอื่น ๆ มากขึ้นค่ะ
  • Connection ที่ดีมากและยังคงติดต่อกันอย่างดีจนถึงทุกวันนี้
    ค่ายนี้ให้ความอบอุ่นกลมเกลียวไม่เหมือนใคร หลังจบค่ายไป ก็ยังคงมีนัดเจอ นัดเที่ยวต่างจังหวัดกันอยู่บ่อย ๆ และน้องค่ายก็ยังคงสามารถมาเป็นพี่ค่ายในปีต่อ ๆ ไปได้ มาร่วมกันช่วยสร้างค่ายแห่งความทรงจำดี ๆ กันได้อีกครั้ง ซึ่งต่างจากค่ายอื่นตรงที่ทีมงานที่จะทำค่ายได้นั้น จะต้องเป็นเพียงแค่เด็กที่กำลังศึกษาอยู่ในคณะนั้น ๆ ต่างหาก ในตอนนี้ปัดก็จบจากค่าย J10 นี้มาได้เกือบ 3 ปีแล้ว ปัดก็ยังคงได้คุยกับเพื่อนในทีม พี่บ้านหรือพี่ค่ายคนอื่น ๆ กันอย่างสม่ำเสมอ และได้เห็นทุกคนเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ไปพร้อมกัน พวกเขาเปลี่ยนแปลงและเราก็เปลี่ยนแปลงกันไปในทางที่ดีขึ้น เป็นอะไรที่รู้สึกดีมากเลยค่ะ

ค่าย WIP Camp #10 — Information Technology @ KMUTT

ค่ายวิปแคมป์นี้เป็นค่ายที่ทางคณะไอทีของบางมดจัดขึ้น คล้าย ๆ ค่ายไอทีแคมป์ของลาดกระบังที่ให้นักเรียนนักศึกษาของคณะตัวเองช่วยกันจัดค่ายขึ้นมา ไม่ว่าจะเพื่อให้ความรู้ความสนุกน้อง ๆ หรือโปรโมทให้น้อง ๆ อยากเข้าคณะนี้ก็ตาม แต่ค่ายวิป 10 นี้ไม่มีการแบ่งสาขาให้เข้าร่วมแต่อย่างใด ทุกคนล้วนได้เรียนรู้เรื่องหลากหลายเรื่องไปพร้อม ๆ กันค่ะ

รีวิวเสื้อค่าย

ด้วยความที่ปัดเป็นคนชอบวรรณคดีไทยมากอยู่แล้ว อย่างตอนสมัครเข้าค่ายปัดก็ตอบคำถามเป็นกลอนหมดเลย หลายบทด้วย แล้วพอเห็นเสื้อที่ทำมาเป็นสีแดงที่ปัดชอบแบบนี้พร้อมลายมาสคอตค่ายหรือพี่วิปโป้ที่เป็นธีมวรรณคดีไทยอีก ปัดว่ามันน่ารักมาก ๆ เลยค่ะ อีกทั้งขนาดของลวดลายกำลังพอดี แล้วก็สกรีนดีมากด้วยค่ะ ส่วนข้างหลังก็ปกติดี ไม่ได้หวือหวาไรมาก แต่ก็พอโชว์ได้ว่าฉันเด็กวิปแคมป์นะ อะไรแบบนี้

สิ่งที่ยังคงเหลือตราตรึงอยู่ในใจ

  • วิชาการที่จัดหนักจัดเต็ม
    เนื้อหาวิชาการที่ได้รับนั้นมีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น IT Fundamental เรื่องพื้นฐานไอทีต่าง ๆ , Java Programming เบื้องต้น , Web Technology ที่ให้น้อง ๆ ได้ลองมีโอกาสสร้างเว็บเป็นของตัวเองเบื้องต้นและเน็ตเวิร์กที่ให้น้อง ๆ ได้ลองหยิบจับอุปกรณ์มากมายค่ะ แต่มีการทำแบบทดสอบก่อน — หลังเรียนที่จริงจังมาก และพูดตามตรงจากที่ปัดได้เรียนในค่ายนี้มา บรรยากาศค่อนข้างตึงพอสมควรค่ะ
    แต่มีมาวันนึงที่ปัดมีเหตุฉุกเฉินอะไรบางอย่าง ทำให้ไม่ได้เข้ามาทำเว็บกับเพื่อนตั้งแต่ต้น ๆ พอปัดกลับเข้าห้องมาทำ ทุกคนก็ทำกันจะเสร็จแล้ว พอถามพี่ ๆ ดู พี่ ๆ ก็บอกว่า น้องทำได้เลย ตามที่พี่สอนไป แต่คือปัดเพิ่งเข้าห้องมา พยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือด้วยสีหน้างงงวยให้พี่เค้าอยู่นานค่ะ แต่ก็ไม่มีใครช่วย ตอนนั้นอยากร้องไห้มาก ยิ่งพี่ ๆ บอกว่ารีบ ๆ ทำนะ จะได้อัปขึ้นโฮสต์ ยิ่งแล้วใหญ่เลย แต่แล้วก็โชคดีหน่อยที่มีพี่ผู้หญิงคนนึงที่เป็นพี่ TA ในห้องเดินมาคุยเล่นกับปัดพอดี ปัดเลยบอกไปว่า ‘พี่ หนูไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าจะต้องทำอะไรยังไง…’ พี่เค้าถึงร้องอ๋อ เข้าใจว่าปัดติดปัญหาตรงไหน แล้วก็กอดหัวปัดพร้อมขอโทษรัว ๆ เลยค่ะ จากนั้นก็ไล่สอนให้ใหม่ ปัดแอบร้องไห้นิดนึง แบบน้ำตาซึมจริง ๆ ตอนพี่คนนี้มาพูดสอนพร้อมจับเมาส์ให้ดูอยู่ข้าง ๆ เพราะมันรู้สึกว่าที่ผ่านมาพี่ ๆ คนอื่นในห้องไม่ได้ใส่ใจค่ะ อึดอัดมากเลย แง
  • การได้ลองหยิบจับเกี่ยวกับด้านเน็ตเวิร์กครั้งแรก
    ปัดอาจเล่าอะไรไม่ได้มากเพราะตอนนี้ความรู้ด้านเน็ตเวิร์กก็ยังไม่ค่อยมี แถมความรู้ที่ได้มาจากค่ายก็เริ่มลืมแล้ว แต่ว่ายังคงจำบรรยากาศและความรู้สึกที่อยู่ในห้องเน็ตเวิร์กได้ค่ะว่า ว้าวมาก ได้ลองเสียบสายนู่นนี่ ได้รู้มูลค่าของอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วก็ยิ่งว้าวไปใหญ่เลยค่ะ
  • คอนเสิร์ตที่จัดโดยพี่ ๆ
    ค่ายนี้หลังบายศรีมีคอนเสิร์ตที่จัดโดยชมรมดนตรีของคณะด้วยค่ะ บรรยากาศค่อนข้างดี แต่บังเอิญที่ปัดไม่ค่อยรู้จักเพลงที่พี่เค้าแสดงกันเลยค่ะ ปัดว่าปัดฟังเพลงหลายแนวมาก ๆ เลยนะ ฟังแปลกก็เยอะด้วย แต่พอมาฟังที่นี่ ก็ยังคงไม่รู้จักอยู่ดีค่ะ ได้แต่ชื่นชมแสงสีไปอย่างเดียว 555
  • ป้ายชื่อลวงกับการแจกเสื้อค่ายที่ไม่ธรรมดา
    ค่ายนี้ล้ำอยู่อย่างหนึ่งค่ะ กับการที่ตอนเข้าค่ายมาวันแรก น้องค่ายได้ป้ายชื่อหลากสีกัน สีตามกลุ่มที่แบ่งน้อง ๆ เลย แต่ป้ายมันคือกระดาษสีแข็ง ๆ ธรรมดาที่ใช้ปากกาเมจิกเขียนชื่อน้องเอาค่ะ ตอนปัดได้มาแขวนตอนแรกก็แบบ ว็อท ? ไม่มีลวดลายใด ๆ หรือจะไม่ลงทุนปรินต์ดี ๆ ให้น้องเหมือนค่ายอื่น ๆ เลยเหรอ แต่ปรากฏว่าวันต่อมา ก็มีป้ายลายงาม ๆ สวยม้ากมาให้น้องแขวนจริง ๆ ค่ะ
    และในวันคืนก่อนวันสุดท้าย ที่ปกติต้องแจกเสื้อให้น้องค่ายไว้ใส่วันพรุ่งนี้กัน ค่ายนี้ล้ำไปอีกที่เอาเสื้อน้องไปซ่อนไว้ในที่ต่าง ๆ ภายในห้องพักค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหลังตู้ ใต้เตียง ในปลอกหมอน หรือรวมถึงใต้ที่นอน แล้วพอหยิบออกมา นอกจากจะเจอเสื้อแล้ว ยังเจอกับป้ายชื่ออันเก่า ที่เขียนความในใจของพี่บ้าน (พี่ไอติม) ถึงน้อง ๆ เต็มไปหมดเลยค่ะ คูลมากกก
  • มิตรภาพนักฆ่า กับเกมล่าโค้ดเพื่อนค่ายมากำจัด
    ด้านหลังป้ายชื่อที่น้อง ๆ ต้องแขวน จะมีโค้ดอยู่ที่เอาไว้ให้น้อง ๆ คีย์โค้ดของเพื่อนฝั่งตรงข้ามไปในเว็บค่าย เพื่อกำจัดเพื่อนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ โดยจะมีฝั่งยักษ์หรือทศกัณฐ์ กับ ฝั่งลิงหรือหนุมาน ซึ่งน้อง ๆ จะถูกสุ่มฝั่งที่อยู่ไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าค่ายค่ะ ฝ่ายไหนกำจัดฝั่งตรงข้ามได้มากที่สุดก็จะชนะไป หลาย ๆ คนเลยต้องซ่อนป้ายกันเพื่อป้องกันตัว แต่ปัดขี้เกียจค่ะ แล้วปัดก็คิดว่ามีคนเอาโค้ดเราไปฆ่าแล้วแน่ ๆ แต่ปัดก็อยากลองเล่นบ้าง เลยดีลกับเพื่อนผู้ชายอีกคนนึงให้เปิดป้ายแลกกันดูแล้วก็แลกกันฆ่าค่ะ มีระบบเขียนความรู้สึกถึงคนที่ถูกฆ่าด้วย มิตรภาพนักฆ่าของปัดกับเพื่อนคนนี้จึงเกิดขึ้นค่ะ 555
  • ความไม่สนิทกันระหว่างเพื่อนค่าย
    จากรูปจะเห็นได้ว่าปัดได้รับกระดาษความในใจหรือ dropbox เยอะมากกก แต่ว่าพอมานึกย้อนดู พวกน้องค่ายแต่ละคนก็ไม่ได้มีความสนิทอะไรกันขนาดนั้นค่ะ คุยก็ได้แค่เรื่องผิวเผิน ขนาดที่ว่าวันสุดท้ายที่จะมีการปั่น dropbox ให้กัน ก็ยังคงมีการถามชื่อกันอยู่เลย ให้ลิสต์ชื่อเพื่อนที่ตอนนี้ยังคุยกันอยู่นี่นับคนได้เลยค่ะ แอบรู้สึกเซ็งเหมือนกันตอนอยู่ในค่าย ที่เพื่อนค่ายไม่ค่อยคุยกันอย่างค่ายอื่น ๆ ค่ะ
  • ความห่างเหินระหว่างพี่ค่ายและน้องค่าย
    อันนี้ทำให้ปัดรู้สึกไม่ค่อยโอเคระดับนึงเลย ที่เวลามีกิจกรรมอะไรให้ทำร่วมกัน พี่ ๆ จะยืนล้อมน้องอยู่ข้างนอก แต่ก็ยังคงเว้นระยะไว้ไม่น้อยค่ะ และจากที่ปัดได้เจอเองและเห็นจากคนอื่น ๆ คือเวลาน้องค่ายชวนพี่ค่ายคุยนี่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ เพราะพี่ค่ายจะยืนคุยกันเอง ทำให้ได้ยินน้องเรียกบ้างไม่ได้ยินบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้ยิน ทำให้น้องค่ายหลายคนก็ไม่อยากชวนพี่ค่ายคุยอีก ได้แต่คุยกันเองกับคนข้าง ๆ ซึ่งก็พูดคุยกันน้อยอยู่ดีค่ะ
  • การได้ไปโรงพยาบาลบางปะกอกครั้งแรก
    จากข้างบนที่ปัดเกริ่นไปในเรื่องของวิชาการที่แน่นมาก และได้เล่าถึงว่าในค่ายนั้น ปัดมีเหตุจำเป็นบางอย่างทำให้ไม่ได้ทำเว็บพร้อมกับเพื่อน ๆ นั่นเป็นเพราะว่าปัดต้องไปโรงพยาบาลนี่แหละค่ะ สุดจัดมาก ๆ ที่เป็นค่ายแรกและค่ายเดียวที่ปัดต้องไปโรงพยาบาล
    เหตุเกิดจากตั้งแต่วันแรก ๆ เลยที่ปัดตาบวมค่ะ ปัดคิดได้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่าปัดแพ้อะไรสักอย่าง แล้วก็บอกพี่ค่ายแล้วค่ะ แต่พี่เค้าก็ตอบมาว่า ‘ไม่เห็นบวมเลย เรานอนดึกเองรึเปล่า ปกตินะ ๆ ’ ปัดก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจละ เพราะว่าตัวเราเอง เรารู้อะว่ามันผิดปกติไป แต่ก็ตอนนั้นมันยังไม่บวมมาก เลยไม่ได้เรียกร้องอะไรอีก แต่วันต่อ ๆ มา ปัดตาบวมขึ้นมากเลยค่ะ จนตาจะปิดเลย ไปบอกพี่อีกครั้ง พี่ก็ยังคงบอกว่าไม่เป็นไรหรอก จนมาประมาณวันที่ 3 นี่แหละที่พี่พาไปห้องพยาบาล ก็ได้ยาเม็ดมากิน แต่มันไม่ได้ดีขึ้นเลยค่ะ จนในวันที่ 4 นี่แหละ ปัดถึงได้นั่งรถไปโรงพยาบาลจริง ๆ แล้วได้ยาทากลับมาใช้ค่ะ
    ปัดคาดว่าที่เป็นแบบนี้ น่าจะแพ้ฝุ่นจากที่นอนในหอพัก เพราะปัดจำได้เลยว่าเห็นไรฝุ่นเดินบนหมอนบ่อยมากค่ะ ทำให้เซ็งเข้าไปใหญ่เลย

โดยรวมแล้วกับค่ายนี้ ปัดชอบห้องเซิร์ฟเวอร์ ห้องทำงานของบุคลากรในคณะ แล้วก็ชอบห้องประชุมที่มีลักษณะคล้ายในสภาค่ะ แต่ถึงแม้ว่าค่ายนี้อาจไม่ได้ประทับใจปัดเหมือนค่ายอื่น ๆ ก็ตาม แต่ก็เป็นความทรงจำและประสบการณ์ที่ดีให้ปัดมากมายเลยว่า ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเราได้ทุกอย่างจริง ๆ ค่ะ

ค่าย TWC04 — Scholarship Camp @ TNI

TWC04

ค่ายเวิลด์คลาสที่ไทย — ญี่ปุ่นนี้เป็นค่ายวันเดียวจบค่ะ ไม่มีค้างคืน แต่ว่าก็ใช้เวลาในค่ายได้คุ้มค่าพอควรเลย เป็นค่ายที่เมื่อใครติดแล้ว จะมีโอกาสได้รับทุนค่าเล่าเรียนต่อของที่นี่ด้วยค่ะ ถือว่าเป็นอะไรที่เจ๋งมาก ๆ เลย

รีวิวเสื้อค่าย

เสื้อค่ายสีโทนอ่อนนี้สวยดีค่ะ แต่ไม่ค่อยเข้ากับผิวปัดอย่างแรง และปัดคิดว่าโลโก้ที่เป็นสีขาว มันกลืนกับสีพื้นหลังของสื้อไปหน่อยค่ะ ส่วนด้านหลังก็เป็นลายตรีศูลธีมเทพใต้น้ำค่ะ สวยดี แต่ตัวอักษรด้านหลังอาจเยอะไปหน่อยนิดนึง

สิ่งที่ยังคงเหลือตราตรึงอยู่ในใจ

  • การได้เรียนรู้สายงานต่าง ๆ ในญี่ปุ่น
    ในค่ายจะมีส่วนของการนั่งฟังประสบการณ์จากพี่ ๆ ที่เรียนที่นี่ด้วยค่ะว่ามีการเรียนยังไง หนักแค่ไหนเคี่ยวแค่ไหน ถึงมีความสามารถกันขนาดนี้ อีกทั้งยังมีชมรมวัฒนธรรมญี่ปุ่นน่าสนุกให้เข้าร่วมมากมายเต็มไปหมด และรวมถึงการได้งานทำจากสาขาต่าง ๆ ที่มีบริษัทภายนอกให้ความสนใจกับเด็กที่นี่เป็นพิเศษด้วยค่ะ ในตอนที่ปัดฟังนั้น ปัดเกิดความลังเลขึ้นในใจเลยนะคะว่าที่นี่ก็น่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ
  • เพื่อนค่ายผู้น่ารักกกกก (+รวย ! )
    ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน เพื่อนค่ายที่สนใจที่ค่ายนี้ส่วนใหญ่ก็อยากเรียนต่อที่นี่กันทั้งนั้น ซึ่งก็เลยมีกะตังค์กันพอดูค่ะ อ่านแบบนี้อาจเกิดความคิดว่า แล้วสังคมเด็กพวกนี้จะเป็นยังไงเนี่ย จะหยิ่งกันไหม บอกเลยค่ะว่าไม่เลย แถมสนิทกันไวมากอีกต่างหาก ในตอนเช้า ๆ อาจคุยกันน้อยแหละ แต่พอช่วงบ่ายนี่คือรั่วกันและสนิทกันไวมากเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาร่วมกันไม่ถึง 1 วันเต็มด้วยซ้ำค่ะ ทุกคนนิสัยดีและน่ารักกันมากเลยจริง ๆ
  • อาจารย์ม. นี้แสนสุดเฟรนด์ลีกับทุกคน
    เป็นสิ่งที่ปัดประทับใจในมหาวิทยาลัยนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ อาจารย์เป็นกันเองกับนักศึกษาและน้องค่ายมาก ๆ พูดคุยและแนะนำเรื่องต่าง ๆ อย่างไม่ถือตัว รวมถึงคุยได้ยันเรื่องการ์ตูนหรืออะไรไร้สาระเลยค่ะ
    ในวันที่ปัดไปสัมภาษณ์ทุนของที่นี่ อาจารย์ท่านหนึ่งที่สัมภาษณ์ปัด ทักขึ้นมาเลยค่ะว่า ‘ชื่อลูกปัดใช่ไหม ผมจำได้ คุณเป็นคนที่โดดเด่นมาก’ ได้ยินแค่นั้นก็ดีใจสุด ๆ เลยค่ะ ไม่ได้ดีใจที่อาจารย์ชมนะคะ แต่แค่ดีใจที่อาจารย์ใส่ใจเรามาก จนจำได้แม้แต่ชื่อเล่นเราเลยค่ะ รู้สึกอิ่มเอมใจสุด ๆ แม้ว่าภายหลังอาจารย์จะแซวว่า ‘คุณเป็นคนถ่ายรูปขึ้นนะ แต่ตัวจริงนี่ก็อีกเรื่องจริง ๆ ’ แง 555
  • ความเล็กกะทัดรัดของพื้นที่แต่อบอุ่น
    มหาวิทยาลัยนี้มีขนาดเล็กมากค่ะ เดินไม่ถึง 10 นาทีคือเดินครบทั่วมหา’ ลัยแล้ว ทำให้พี่ ๆ หรือนักศึกษาของที่นี้รู้จักกันหมดแล้วสนิทกันหมดทุกคณะทุกสาขาเลยค่ะ ทำให้มีความอบอุ่นเป็นกันเองสูงมากเลยทีเดียว

สรุปของค่ายนี้ ต้องบอกเลยว่าปัดชอบการบริหารจัดการเวลาของค่ายนี้มาก ๆ ที่เพียงแค่ 1 วัน (ไม่เต็มวันด้วยซ้ำ) ก็ทำให้น้องทุกคนสนุกกับทุกกิจกรรม สตอรี่ค่ายแฟนซี ๆ ก็มีให้ร่วมสนุก และได้เพื่อนมากมายเต็มไปหมด อีกทั้งยังได้รู้ถึงจุดเด่นของที่นี่อีกไม่น้อยเลยทีเดียว ค่ายนี้จึงเป็นค่ายที่ใช้เวลาได้คุ้มจริง ๆ ค่ะ ประทับใจระดับนึงเลย

จบกันไปแล้วนะคะกับการผจญภัยไล่ล่าหาประสบการณ์ผ่านค่ายต่าง ๆ มากมายของปัด ได้เจอทั้งเรื่องสุขและทุกข์ปะปนกันไปมากมาย ได้ฝึกใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ซึ่งปัดดีใจมากที่ได้ฝึก เพราะในชีวิตมัธยมนั้น ปัดเรียนโรงเรียนหญิงล้วนมา 6 ปีรวดเลยค่ะ ซึ่งพอได้มาเข้าค่าย ก็ทำให้เข้าใจวัฒนธรรมที่หลากหลาย และใช้ชีวิตกับเพื่อนต่างเพศได้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพราะปัดเห็นเพื่อนจำนวนไม่น้อยเลย ที่พอจบมา ก็มีปัญหาในเรื่องของการเข้าสังคมกับเพื่อนต่างเพศค่ะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอยู่ในความทรงจำของปัดทั้งหมดไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีทุก ๆ ค่ายเลยนะคะ ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราได้เจอกันและรู้จักกัน และขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันเลยนะคะ อ่านจบบ้างไม่จบบ้าง หรือมาอ่านแค่ค่ายที่ตัวเองชอบก็แล้วแต่ ก็ขอขอบคุณที่ให้ความสนใจกับบทความของปัดค่ะ

ฝากถึงใครหลาย ๆ คนที่ยังคงกำลังค้นหาตัวเองหรือรู้สึกว่าชีวิตกำลังขาดอะไรบางอย่างจนทำให้รู้สึกสับสน ปัดแนะนำว่าให้ลองสมัครค่ายสักค่ายดูนะคะ แล้วมุมมองของคุณจะถูกเติมเต็มพร้อมเปิดโลกทัศน์สุด ๆ ไปเลยค่ะ :)

--

--