สวัสดีครับเพื่อนๆ ในวันนี้เราจะมาพูดถึงการจัดการเรื่องของการวัดแสง ซึ่งถ้าเราต้องถ่ายภาพในสถานการณ์ที่เราต้องเลือกว่า ควรถ่ายภาพไปในทาง Over หรือ Under แบบไหนดีกว่ากัน? ซึ่งผมคิดว่า หลายๆคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ก็อาจจะเคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาบ้างแล้ว และอาจจะมีคำตอบในใจอยู่แล้วด้วยว่า แบบไหนดีกว่ากัน แต่ว่าสิ่งที่คุณรู้มาก่อนนั้น จะเป็นจริงมั้ย? ในวันนี้เราจะมาคุยกัน!
ก่อนอื่นเลย เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การที่จะทำให้เกิดภาพบนฟิล์มนั้น มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง!
การเกิดภาพบนแผ่นฟิล์ม และการล้างฟิล์ม
ฟิล์มที่เราใช้นั้นมีหลักการง่ายๆ ในการทำให้เกิดภาพ อย่างแรก คือวัสดุของตัวฟิล์มนั้น ทำจากแผ่นพลาสติก หรือ โพลีเอสเตอร์ โดยบนแผ่นฟิล์มนั้น จะมีเจ้าสารเคมีที่ชื่อว่า ‘Silver Halide’ เคลือบไว้อยู่บนแผ่นฟิล์มนั่นเอง หน้าที่ของตัว Silver Halide นั้น จะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับแสงที่มาตกกระทบใส่ ซึ่งหลังจากที่เรานำฟิล์มไปล้างแล้ว ตัว Silver Halide ที่โดนแสงมาแล้ว จะยังคงอยู่บนแผ่นฟิล์ม แต่ส่วนของ Silver Halide ที่ยังไม่โดนแสง รวมไปถึงในส่วนที่เป็นเงา หรือส่วนที่มืดที่อยู่ในรูปก็ตาม ก็จะถูกชำระล้างออกไปจากแผ่นฟิล์ม
ส่งผลให้ในส่วนของฟิล์มที่ยังไม่โดนแสงนั้น ดูใสขึ้นมาอย่างชัดเจน ดังตัวอย่างในรูปด้านล่าง
จากภาพจะเห็นได้ว่า ในส่วนที่มีภาพนั้น จะดูทึบๆกว่าใช่มั้ยครับ แต่ในส่วนที่ไม่ได้เป็นภาพถ่าย เมื่อล้างฟิล์มออกมาแล้ว ก็จะเป็นสีใสๆแบบในรูป ซึ่งหากมองดูที่นิ้วผมนั้น จะเห็นได้ชัดว่าในส่วนที่เป็นภาพถ่ายใช่มั้ยครับ นั่นก็เป็นเพราะว่า ส่วนที่ใสนั้นได้ถูกน้ำยาล้างฟิล์มล้างออกไปหมดแล้ว เพราะมันเป็นส่วนที่ไม่ได้โดนแสงมานั่นเอง
ในฟิล์ม Negative ส่วนที่มืดจะสว่าง ส่วนที่สว่างจะมืด
ก่อนอื่นเลยเรามาดูรูปตัวอย่างหลังจากการสแกนฟิล์มมาแล้วกันก่อน ตามรูปด้านล่างนี้เลย!
ผมเชื่อว่าถ้าใครที่เล่นกล้องฟิล์มมาก่อน คงเคยเห็นว่าฟิล์ม Negative นั้น เมื่อล้างออกมาแล้วจะได้สีที่ตรงกันข้ามออกมา ในส่วนของภาพจริงนั้นจุดที่มืดจะดูสว่างๆ ใสๆ แต่กลับกัน ในส่วนที่สว่างจะดูมืดๆ ทึบๆ เพื่อนๆลองสังเกตได้จากรูปด้านล่างเลยนะครับ
ซึ่งก็คือในส่วนของ Negative นั้น จะมีในส่วนที่ทึบ และส่วนที่ใสนั่นเอง
และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฟิล์มที่ใส่แกนแล้วหลุดไม่ได้ถูกถ่าย เวลานำไปล้างออกมาถึงได้เป็นฟิล์มใสๆ ก็เพราะว่ามันไม่ได้โดนแสงเลยนั่นเอง! กลับกันในฟิล์มที่เป็นทึบยาวตลอดทั้งม้วนฟิล์ม นั่นก็เพราะว่าฟิล์มโดนแสงไปทั้งม้วนอาจจะเพราะว่าเราเผลอเปิดกล้องฟิล์มโดยยังไม่กรอฟิล์ม หรือว่ากล้องของเรามีปัญหาแสงรั่วนั่นเอง!
ฟิล์ม Positive (Reversal) หรือฟิล์มสไลด์ (Slide)
มาดูในส่วนของ ฟิล์ม Positive หรือ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักในชื่อของ ‘ฟิล์มสไลด์ (Slide)’ จริงๆแล้วเจ้าฟิล์มตัวนี้ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘Reversal’ ซึ่งสามารถแปลตรงตัวได้เลยก็คือ ‘การกลับตรงกันข้าม’ หรือฟิล์มที่ให้สีตรงกันข้ามกับฟิล์ม Negative นั่นเอง ดังรูปตัวอย่างด้านล่างนี้
ซึ่งก็คือ ฟิล์มชนิดนี้จะให้สีตรงกันข้ามกับฟิล์ม Negative ในส่วนที่สว่างจะเป็นส่วนที่ฟิล์มใสที่สุด และส่วนในส่วนที่มืด หรือเป็นส่วนที่มีสีจะเป็นส่วนทึบมากกว่า เพื่อนๆ สามารถดูรูปตัวอย่างของฟิล์มสไลด์ที่สแกนออกมาแล้วตามรูปด้านล่างเลย
จะเห็นได้ว่า รูปนี้ในส่วนของพื้นหลังที่เป็นท้องฟ้า จะสว่างและดูขาวมากเลยใช่มั้ยครับ เอาล่ะ! คราวนี้มาดูที่ฟิล์มกันบ้าง!
จะเห็นได้ชัดเลยว่า ในส่วนที่เป็นพื้นสีขาวนั้น จะสามารถมองเห็นนิ้วมือของผมได้ชัดเจนมากกก แต่ในส่วนที่เป็นสี หรือส่วนที่เกิดภาพนั้น จะไม่สามารถมองเห็นนิ้วมือของผมได้ชัดเจนมากนัก ซึ่งจะตรงกันข้ามกับฟิล์ม Negative ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นเลยใช่มั้ยครับ
ซึ่งย้อนกลับไปถึงคำถามว่า
ถ่ายให้ติด Over หรือ Under แบบไหนดีกว่ากัน?
มาถึงตรงนี้อยากให้เพื่อนๆจำไว้เลยว่า
“ฟิล์มที่ทึบนั้น ย่อมดีกว่าฟิล์มที่ใส”
อยากให้เพื่อนๆ ลองคิดดูว่า มันค่อนข้างที่จะสมเหตุสมผลว่าทำไม?
ให้ลองนึกว่า เพื่อนๆ ได้นำฟิล์มไปทำการสแกนเพื่อให้ออกมาเป็นไฟล์รูปต่างๆ ถ้าฟิล์มที่นำไปสแกนนั้นมันใส หรือ มี Silver Halide ที่หลงเหลืออยู่บนฟิล์มน้อย หรือไม่เพียงพอ แสงที่มาจากเครื่องสแกนตอนที่สแกนรูปนั้น ก็จะสามารถผ่านฟิล์มไปได้อย่างง่ายดาย อาจกลายเป็นว่า เราไม่สามารถที่จะแก้ไขหรือปรับแต่งอะไรเพื่อที่จะให้มันเห็นรายละเอียดบนรูปภาพได้มากนัก (หรืออาจจะไม่ได้เลย)
แต่ว่า!!! หากฟิล์มของเพื่อนๆ นั้น มีความทึบ หรือ มีรายละเอียดบนฟิล์มที่เพียงพอ เมื่อแสงจากเครื่องสแกนนั้นได้ผ่านฟิล์มลงไป ในแบบที่ไม่สามารถผ่านฟิล์มได้อย่างง่ายดายนั้น วิธีแก้ง่ายๆ ก็คือ แค่ทำให้แสงจากเครื่องสแกนทำการผ่านไปบนฟิล์มให้นานขึ้นแค่นั้นใช่มั้ยล่ะ!! และเพราะแบบนี้แหละ ฟิล์มที่ทึบกว่า สามารถทำการปรับแต่งรูปภาพที่สแกนได้มากกว่าฟิล์มใสๆยังไงล่ะ!
จากทั้งหมดทั้งมวลนั้นส่งผลมาให้ได้คำตอบก็คือ!!!
ถ้าเป็นฟิล์ม Negative นั้น ให้ถ่ายติดไปทาง Over
(เพราะตัวฟิล์มนั้นจะทึบแสงกว่าใน Negative)
และ
ถ้าเป็นฟิล์ม Positive นั้น ให้ถ่ายติดไปทาง Under
(เพราะตัวฟิล์มนั้นจะทึบแสงกว่าใน Positive)
แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
รู้มั้ยครับว่ามีอะไรที่ดีกว่าทั้งการถ่ายให้ติด Over และ Under?
และแน่นอนครับ คำตอบก็คือ….
ถ่ายให้ตรงค่าแสงยังไงล่ะ!!
ไม่จำเป็นเลยว่าจะต้องไปสนไปแคร์ให้ถ่ายติดไปทาง Over หรือ Under ก็เพียงแค่ถ่ายให้ตรงค่าแสง เท่านั้นพอ!
แต่เหตุผลที่เขียนมาทั้งหมดทั้งมวลข้างต้นนั้นก็คือ เพื่อให้เป็นข้อมูลแก่เพื่อนๆว่า หากจะต้องเลือกระหว่างถ่ายให้ติด Over หรือ Under นั้น เราจะต้องเลือกอย่างไรบ้างนั่นเอง!
ข้อควรระวัง
เรื่องนี้อาจจะทำให้หลายๆคนเอาไปบอกเพื่อนๆต่อ และอาจจะทำให้เพื่อนเข้าใจผิดได้ไปว่าฟิล์ม Negative ต้องถ่าย Over นะ หรือฟิล์ม Positive ต้องถ่าย Under นะ ฉะนั้นตัวเราเองก็ไม่อยากเป็นตัวการที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดใช่มั้ยล่ะ!!! ดังนั้น หากเพื่อนๆนำเรื่องนี้ไปบอกต่อ เราต้องอย่าลืมย้ำกับเพื่อนๆ ด้วยว่า ทางที่ดีที่สุดนั้นคือ ต้องถ่ายให้ตรงค่าแสงจะดีที่สุดนะ!!
และ!!
ในกรณีที่ใครอยากจะถ่ายให้มัน Over / Under เพื่อให้ได้อารมณ์ความรู้สึกอีกแบบ หรือว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้ได้รูปที่ตนเองต้องการล่ะก็อันนี้ก็เป็นต้องการของแต่ละคนครับ ตามสบายเลย 😁 เพราะว่าบทความนี้มีเพียงเพื่อตอบคำถามที่ว่า หากเราต้องเลือกแล้วไม่รู้จะเลือกสิ่งไหน ให้เลือกคำตอบตามด้านบนเท่านั้นเอง
นอกเหนือจากนี้ถ้าใครอยากรู้เรื่องกฎการวัดแสงต่างๆล่ะก็จิ้มที่ปุ่มด้านล่างได้เลย!
หรือถ้าอยากรู้เรื่องฟิล์มมากกว่านี้ก็จิ้มไปที่ปุ่มนี้ได้เลย!
เอาล่ะครับ จบกันไปแล้ววววว สำหรับบทความนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ หลายๆ คน ไม่น้อย ก็น้อยมาก! นะครับ หากมีคำถาม หรือ ข้อสงสัย สามารถทักพวกเรามาได้เลยที่…
ยังไงก็ฝากกด Like กดติดตาม กด See first กันด้วยนะครับ เพื่อที่จะไม่พลาดในการรับข้อมูลข่าวสารและบทความใหม่ๆจากทางเพจ สำหรับบทความนี้ ทางผมขอตัวลาเพื่อนๆ ไปก่อน สวัสดีครับ
References
บทความนี้ ผมได้รับข้อมูลมาจาก Nick Carver ซึ่งเป็น Youtuber ที่คอยสอนการถ่ายรูปอีกที และคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ จึงนำมาแปลให้ได้อ่านกันครับ ใครอยากดูคลิปเต็ม จิ้มที่ลิงค์นี้ได้เลย!
