[Experience] สมัครงานสาย UX/UI Design สำหรับเด็กจบใหม่ ใสกรุ๊งกริ๊ง

แชร์ประสบการณ์ (ส่วนตัว) หางาน เตรียมตัวสมัครงาน สัมภาษณ์งาน ฉบับเด็กจบใหม่สาย UI Designer

Desire Stack24
4 min readJun 7, 2019

😀สวัสดีครับ พบกันอีกบทความของผม และเมื่อพบผมก็คงหนีไม่พ้นเกี่ยวกับงานออกแบบต่างๆ โดยในบทความนี้จะเกี่ยวกับการ หางาน สมัครงาน ด้านการออกแบบ UX Design UI Design ถ้าชอบก็ฝากกดตบมือ กดติดตาม กดแชร์ให้ด้วยนะค้าบ

📢พื้นที่ขายของ อยากเป็น UI Designer เริ่มยังไง ไปดูกันนนนน

https://medium.com/@4namikaze.minato4/ui-design-get-started-in-ui-design-8e08a42bf4fd

ช่วงนี้ก็เข้าสู่ช่วง เริ่มต้นของน้องใหม่ และ จบการศึกษา ของพี่ๆบัญฑิตสดใสทุกๆคน แล้ว ช่วงนี้คือช่วงที่เราจะต้องเติบโตอีกก้าวหนึ่งจากชีวิตวัยเรียน เข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว เคยคิดหรือไม่ว่าอนาคตของเราในอีก 5 ปีหรือ 10 ปี หรือ 2 เดือนหลังจากจบการศึกษาจะเป็นอย่างไร? จะเดินเตะฝุ่นหรือไม่ จะถูกใจป้าข้างบ้านหรือเปล่า? บทความนี้จะเป็นบทความที่แบ่งปันเรื่องราวการเริ่มต้นชีวิตการทำงานของผม เพื่อให้เพื่อนๆที่ได้อ่านจะได้รู้ว่า คุณไม่ได้รู้สึกต้องโดดเดี่ยวกดดันการเริ่มต้นชีวิตการทำงานอยู่คนเดียวนั่นเอง

สำหรับบทความนี้จะเป็นประสบการณ์การสมัครงานในสายงานออกแบบ UX/UI Designer เป็นหลักสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำงานด้านนี้อย่างไร? เตรียมตัวเตรียม Resume เตรียม Portfolio อย่างไรให้ได้งานตามที่คาดหวัง

อยากให้ทุกคนรู้ว่า ความพยายาม ไม่เคยทำร้าย คนที่ตั้งใจ เสมอ

📍หัวข้อที่ผมจะพูดถึงมีดังนี้:-

  1. เตรียมพร้อมการสมัครงาน
  2. มองหางานที่ใช่ด้วยเหตุผลอะไรบ้าง
  3. รับมือกับการสัมภาษณ์งานอย่างไรไม่ให้พัง

ก่อนเริ่มเข้าสู่การเตรียมพร้อมให้ทุกคนมี เป้าหมาย (Goal) ในการหางานครั้งนี้ว่าอยากเห็นตัวเองอย่างน้อยๆ 1–2 ปีแรกเป็นอย่างไร อยากได้อะไรจากการเริ่มต้นใหม่ครั้งนี้บ้าง ?

1. เตรียมพร้อมสมัครงาน

เมื่อพูดถึงเรื่องการสมัครงานแล้วอย่างแรกๆที่เด็กจบใหม่อย่างเราๆควรรู้จักคือ Resume ซึ่งการทำ Resume ก็มีรูปแบบคล้ายๆกันในแต่ละสายงาน ในที่นี้ผมจะขอพูดถึงสายงานออกแบบ UI Designer ที่เป็นตำแหน่งที่ผมต้องการสมัครนั่นเอง

📑 เอกสารที่ใช้เพื่อสมัครงาน

Resume หรือ CV คือเอกสารที่เป็นข้อมูลสรุปเพื่อใช้สมัครงานและประกอบการพิจารณาเบื้องต้นของผู้ที่ต้องการคนเข้าทำงาน โดย Resume ก็คือด่านหน้า First Impression ที่เหล่า Recruiter จะพบเราและกรองเราว่าจะรับหรือคัดทิ้ง ดังนั้นการทำ Resume จึงสำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โดยการทำ Resume แบบ UI Designer จะมีหัวข้อที่สำคัญๆดังนี้

  1. ชื่อ-นามสกุล (Name-Surname) : ชื่อจริงนามสกุลจริง
  2. ตำแหน่งงานที่จะสมัคร ( UX/UI Designer , Junior UI Designer , Graphic Designer , Developer , etc. )
  3. ประวัติการศึกษา (Graduated ) : ใส่ประวัติการศึกษามัธยม-มหาลัย หรือ มหาลัยอย่างเดียวก็ได้ โดยข้อมูลคือ ชื่อสถาบัน สาขา เกรดเฉลี่ย ปีที่สำเร็จการศึกษา
  4. Introduction พูดสั้นๆเกี่ยวกับตัวเอง ไม่ควรเกิน 3 ย่อหน้านะครับ โดยเนื้อหาจะเป็น เราเป็นใคร เรียนอะไร สนใจอะไร คิดว่าทำไมอยากทำงานด้านนี้
  5. ประสบการณ์ทำงาน : ทำให้รู้ว่าเราเนี่ยไม่ใช่คนที่อยู่ไปวันๆนะ เราก็ทำงาน ทำงานอะไร ประเภทไหนมาบ้างเหมือนกันนะ
  6. รางวัลที่ภาคภูมิใจ : เรามีผลงานก็ต้องมีรางวัลการันตีด้วยสิ
  7. ความสามารถ : จุดขายที่เป็นที่สุดของความจำเป็นในการทำงาน
  8. ความคาดหวัง : ตรงนี้เป็นการบอกให้ผู้รับเราไปสัมภาษณ์รู้ว่าความคาดหวังของเราจะสามารถมาหาที่นี่ได้หรือเปล่า ทำให้ทั้งคนหางานและคนอยากได้คนเข้าทำงาน คลิกกันมากขึ้น
  9. จุดแข็ง : อันนี้คือใส่ Hard skill ของเราเลยก็ได้ว่าเราเชี่ยวชาญด้านไหนเป็นพิเศษ
  10. ความสนใจ : เน้นเป็นด้านที่ทำให้เราดู Professional ไม่ใช่ดูหนัง เล่นเกม ดูทีวี นอน ของแบบนี้คือเอาไว้วัดกันที่ใครแตกต่าง ใครมีจุดขายมากกว่ากันครับ
  11. ข้อมูลติดต่อ : เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้เป็นเบอร์ตัวเอง อีเมลล์แบบดูทางการ บางคนมี Facebook page ก็สามารถใส่ได้ครับ

โดยข้อมูลที่ใส่ใน Resume ควรจะเป็น ความจริง 100% หรือไม่ต่ำกว่า 90 % เพราะถ้าเราขี้โม้ไปมันจะไปสำแดงในภายหลังที่เราเข้าทำงานจริงๆแล้วนั่นเอง

Portfolio คือ เอกสารที่รวบรวมผลงานที่เกี่ยวกับสายงานที่เราต้องการสมัคร โดยการทำ Portfolio สามารถทำได้ในหลายรูปแบบมากๆ ทั้ง Offline และ Online โดยในสายงาน IT , Computer แนะนำให้ทำในรูปแบบ Online เพื่อแสดงถึงศักยภาพในการเท่าทันโลกนะครับ โดย Portfolio ของ UI Designer นั้นจะเน้นไปที่งาน UI เป็นหลักที่เกิดจากการทำ Visual Design ขึ้นมา โดยในส่วนของผมผมจะทำเป็นเว็บไซต์

ดังนี้

https://designstack24.wordpress.com/

ความสำคัญของ Portfolio จะเป็นตัวเน้นย้ำในการให้ผู้สัมภาษณ์ต้องการรู้จักเรามากขึ้นและรับรู้ได้ว่าเรามีศักยภาพในการทำงานได้มากน้อยแค่ไหน เพราะ Portfolio คือเหมือนเนื้อในของเราในด้านการทำงานยิ่งใครมี Portfolio มากๆและแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการโอกาสที่ผู้สัมภาษณ์จะรับเราเข้าทำงานย่อมมีสูงตามไปด้วย โดยชิ้นงานทุกชิ้นใน Portfolio ควรเป็นผลงานที่เราทำขึ้นมาเองจริงๆหรือถ้ามีส่วนร่วมควรระบุให้ได้ว่าเราทำงานนี้ในส่วนไหน หรือง่ายๆก็คือเราควรเล่าที่มาที่ไปของผลงานของเราได้นั่นเอง ควรหลีกเลี่ยงการใส่ผลงานที่มีผลงานผู้อื่นเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ เพราะเมื่อเกิดการ Reference ไปยังเจ้าของงานจริงๆและผู้สัมภาษณ์เกิดรู้ความจริงว่าเราทำน้อย มันจะไม่ดีเอามากๆ

เมื่อเราได้เตรียมเอกสารของเราพร้อมแล้วก็พร้อมที่จะนำตัวตนของเราไปแจ้งให้โลกรู้ได้เลย ซึ่ง Platform ที่สำคัญสำหรับชาวไอทีก็คือเว็บไซต์หางานต่างๆ โดยจะแนะนำดังนี้นะครับ อันนี้เป็นที่ผมใช้หลักๆ

Linkedin

Linkedin เป็นเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นแพลตฟอร์มสำหรับโลกสังคมของคนทำงาน โดยคนที่เล่นส่วนใหญ่จะเป็นคนที่หางาน หาคนทำงาน ซะส่วนมาก คล้ายๆ Facebook ของคนทำงาน โดยจะมีเนื้อหาที่ดีและกรองผ่าน User มากกว่า Facebook อย่างน้อยก็ไม่มีเกรียนคีย์บอร์ด 555+ แนะนำให้ลงประวัติและ Resume ของตัวเองไว้ เมื่อมีคนสนใจเรา เค้าก็จะมาติดต่อและนัดเราไปสัมภาษณ์ต่อไป

JobsDB

JobsDB ต่างกับ Linkedin ตรงที่ JobsDB ก็เสมือนชื่อเลยจ้าที่เก็บงาน คลังงาน บลาๆๆๆ ไม่ได้เน้นไปทางสังคมแบบ Linkedin มากแต่เน้นให้โชว์งานแล้วแค่รอคนมาติดต่อแค่นั้น ทำให้เราสมัครงานง่าย เหล่า HR , Recruiter , Headhunter จะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อน ล่า โปรไฟล์ของเรานั่นเอง

ซึ่งทั้ง 2 อันนี้ก็มีจุดเด่นต่างๆกันไป แต่ที่สำคัญคือเราจะทำยังไงให้ได้งานนั่นก็คือการใส่ใจของเรานั่นเอง

ข้อได้สำคัญการทำเอกสารหรือลงข้อมูลในเว็บไซต์ควรจะเป็นภาษาอังกฤษจะดีมากกว่าครับ เพราะว่าภาษาอังกฤษนั้นสำคัญ ถึงแม้เราจะไม่เก่งแต่ก็มันก็ต้องใช้อ่ะ อุแง๊ๆๆๆๆ ก็พยายามดูรูปแบบการทำเอกสารแบบภาษาอังกฤษของคนอื่นมาปรับใช้ของตัวเองก็ได้นะครับ อย่างผมผมก็ใช้วิธีนี้เอง 555+

และเมื่อเราเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ลงมืหางานกันได้เลยครับ

2. มองหางานที่ใช่ด้วยเหตุผลอะไรบ้าง

เมื่อเราจะเริ่มทำงานมันคือการเริ่มใช้ชีวิตในการก้าวเข้ามาเพื่อรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น โดยเราจะรับผิดชอบตัวเองได้ก็ต้องมีปัจจัยต่างๆที่ต้องคำนึงถึง (อันนี้คือตาม คหสต.ของผมล้วนๆนะครับ )

เงินเดือน : ด้วยสายงานด้าน UI Design หากเราเริ่มจะมีประสบการณ์อยู่บ้างแล้วเราก็จะมีชัยไปมากกว่าคนเริ่มต้นด้วยความสามารถในการเริ่มต้นเงินเดือนที่เรียกได้ว่า ดี เลยล่ะ แต่ถ้าหากใครไม่เคยมีประสบการณ์เราก็สามารถต่อรองเงินเดือนได้ตามพอร์ตที่เราสร้างขึ้นมาหรือศักยภาพในการทำงาน โดยการคิดถึงเงินเดือน ต้องคำนวณอย่างละเอียดจริงๆ ตั้งแต่ ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าเที่ยวสังสรรค์ ซื้อของออนไลน์ ค่าฟิตเนส ค่าให้พ่อแม่ และอื่นๆอีกมากมาย

รูปแบบการทำงาน(วัฒนธรรมการทำงาน) : รูปแบบหรือวัฒนธรรมการทำงานไม่รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรก็คือ กระบวนการที่ใช้ในการทำงานว่ากว่างานจะมาถึงเราและเราส่งงานออกไปต้องผ่านใคร อะไร ที่ไหน ยังไงบ้าง ส่วนนี้สำคัญมากอันดับต้นๆเพราะว่ามันคือสิ่งที่เราจะต้องอยู่กับมันทุกๆวัน ต้องพบต้องเจอถ้าเราไม่ถูกใจหรือเข้ากับรูปแบบการทำงานได้ มันจะทำให้เราไม่มีความสุข และ ไม่อยากมาทำงานได้ นั่นเอง ลองจินตนาการเล็กๆว่าคุณเป็นคนแบบไหนและต้องการระบบงานแบบไหนสมมติดูครับ ซึ่งเราจะรู้ได้ไงว่าที่ไหนมีรูปแบบงานอย่างไรก็อ่านรีวิว ถามคนที่เคยทำ หรือลองไปสัมภาษณ์ดูแล้วค่อยมาเลือกเลยครับ

รูปแบบของธุรกิจที่เข้าไปทำ : ตรงนี้ใครที่ก้าวเข้าสู่สายงานการออกแบบก็จะรับรู้ Sense การดีไซน์ของตัวเองอยู่ว่า เราอินกับงานออกแบบแบบไหนแต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่ามีความอินกับอะไรหรือได้หมดทุกอย่างแบบผมก็ไม่ต้องคิดมากครับ ขอให้เป็นงานที่สุจริต ไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรมทั้งทางตรงและทางอ้อมก็พอครับ

การเดินทาง : การเดินทางในกรุงเทพฯ นับเป็น Pain point หลักเลยก็ว่าได้ที่ทำให้เกิดอาการหัวร้อน ก่อนเริ่มงานในเช้าที่แจ่มใสได้ สิ่งที่ต้องคำนึงก็คือ ระยะเวลาเดินทาง งบประมาณ ความสะดวก เช่น ต้องออกซอยต่อพี่วิน ขึ้นรถเมล์ ลงใต้ดิน เดิน กว่าจะถึง เรียกได้ว่าหมดแรงไปแล้วแค่เดินทาง เพราะการเดินทางต้องอยู่คู่กับงานของเราในทุกๆวันเช่นกัน

ที่พักอาศัย : ที่พักอาศัยควรคิดหลังจากเลือกที่ทำงานและทราบเงินเดือนแล้วจะดีกว่าครับเพราะจะทำให้เราเลือกได้ง่ายขึ้น และสามารถปัก ตัดช้อยส์ ที่ที่เราจะเลือกงานได้อีกด้วย

สวัสดิการ : เดี๋ยวนี้สวัสดิการทั่วๆไปก็มีเหมือนกันแทบจะทุกองค์กรตามกฎหมายบังคับ แต่จะมีบางบริษัทที่มีขนมขบเคี้ยว ของว่าง อาหาร ให้ทานฟรีๆ ก็ถือว่าดีไป หรือจะเป็นคลาสสอนเพิ่มเติมความรู้ ค่ารักษาพยาบาล วันหยุดวันลา สถานที่ออกกำลังกาย ก็สวัสดิการตรงนี้แล้วแต่คนชอบเลยครับ ไม่ค่อยมีผลต่อการเลือกงาน

หน้าตาบริษัท : ในสายไอทีออกแบบแทบจะไม่มีผลครับ เพราะ เราทำงาน มากกว่าหน้าตาขององค์กรและมีการเปลี่ยนงาน ย้ายงานบ่อย ไม่คิด

เพื่อนร่วมงาน : อันนี้ดวงดีได้ดวงร้ายก็ต้องทน ขึ้นอยู่กับการปรับตัวของเราเองและความคิดของเราครับ ก็ตรงนี้ผมเคยเจอแต่เพื่อนร่วมงานดีๆ ยังไม่เคยเจอแบบรว้ายๆ เลยแชร์อะไรไม่ได้มาก

3.รับมือกับการสัมภาษณ์งานอย่างไรไม่ให้พัง

และแล้ววันหนึ่งขณะที่คุณกำลังอาบน้ำก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือที่คุณกำลังเปิดเพลงและร้องตอนอาบน้ำไปด้วยดังขึ้นๆ สวัสดีค่าาา…ขอเรียนสายคุณ…ค่า ครับพูดอยู่ครับ ค่าาาามีงานที่บริษัท…ติดต่อมาเค้าชอบพอร์ตคุณมากค่าาาา ไม่ทราบว่าสนใจสัมภาษณ์มั้ยค้าาาาาา…ครับสนใจครับ ค่าาาาจะส่งอีเมลล์ยืนยันให้นะค้าาาาา ครับ… ทันใดนั้น เมื่อเสียงโทรศัพท์สิ้นสุดลง การเริ่มต้นไปสัมภาษณ์ได้เริ่มต้นขึ้น ณ เวลานั้น มาผมจะแชร์เทคนิคการปฏิบัติตัวจากการไปสัมภาษณ์บริษัทต่างๆ มาเกือบสิบที่ โดยคำถามก็จะสามารถแบ่งหมวดหมู่ได้ประมาณนี้

แนะนำตัว เป็นคำถามอันดับแรกที่ควรพูดอย่างมั่นใจ ชื่ออะไร เรียนที่ไหน ชอบอะไร ถนัดอะไร ขายของจ้า อยากทำงานตำแหน่งนี้เพราะอะไร

คำถามเชิงเทคนิค โดยคำถามเชิงเทคนิคของชาว UI Designer มีดังนี้

  1. UX UI Design คืออะไร
  2. มีขั้นตอนกระบวนการทำงานอย่างไร
  3. เครื่องมือที่ใช้ทำงานมีอะไรบ้าง และเราถนัดอะไร เคยทำอะไรมาก่อน
  4. ใช้อะไรในการวัดผลงานออกแบบ

คำถามเกี่ยวกับงานที่ลงพอร์ต

  1. งานนี้คุณทำในส่วนไหน
  2. ทำอย่างไร
  3. แล้วได้ผลเป็นอะไร

คำถามเรื่องระบบการคิด

  1. ถ้ามีงานๆนี้จะเริ่มจากอะไร
  2. เวลาเราทำงานนี้ (งานในพอร์ต) เราทำอย่างไร ร่วมกับใคร ในแต่ละขั้นตอน

คำถามวัดทัศนคติ

  1. เล่าเกี่ยวกับตัวเอง นิสัยส่วนตัว
  2. ข้อดี ข้อเสียของตัวเอง
  3. ถ้าผิดหวังจะรู้สึกอย่างไร

คำถามความใฝ่รู้

  1. เวลาว่างชอบทำอะไร
  2. เว็บไซต์ที่ชอบเข้า หรือ หนังสือที่ชอบอ่าน

คำถามเกี่ยวกับบริษัท

  1. บริษัทของเราทำอะไร
  2. รู้จักบริษัทของเราได้อย่างไร

และที่ขาดไม่ได้คืออย่าลืมเตรียมคำถามไว้ถามกลับด้วย ซึ่งในการสัมภาษณ์ที่แรกๆผมลืมและคิดไม่ออกว่าจะถามอะไรกลับ 5555+ หากใครเจอคำถามอะไรแปลกสามารถเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความเลยนะคร้าบ

สำหรับการแชร์ประสบการณ์หางานด้าน UI Design ของผมก็คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่คิดอยากจะเริ่มงานในสายนี้บ้างนะครับผม ก็การหางาน สมัครงาน สัมภาษณ์งาน เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้นที่เราจะได้ทำงาน หากก้าวที่ 2 3 4 และต่อๆไปคือประสบการณ์ที่เราจะได้เข้าทำงาน ก็ขอให้เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ได้รับงานที่ตัวเองต้องการ และขอให้สมหวังกับชีวิตการงาน การเงิน ความรักด้วยนะครับ

ขอขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน แล้วพบกันบทความต่อๆไปนะครับ ฝากติดตามด้วยจ้า ❤ ❤ ❤

W.Worawut

UI Designer ZerotoOne by SCG

UI Designer Donuts Bangkok

ฝากแหล่งข้อมูลอ่านเพิ่ม เผื่อใครไม่รู้จะเริ่มยังไงนะครับ สู้ๆ :)

https://careerfoundry.com/en/blog/ux-design/create-a-ux-resume/

https://uxdesign.cc/how-to-design-your-resumes-3b86ff7d9f76

https://getlinks.co/th/

--

--

Desire Stack24

UI Designer who want to be The Better Designer. “I believe everyone can learn how to design for the better world will be.”