Panic Disorder

Vanessa Cover
Sep 4, 2023

--

รู้จัก “โรคแพนิค” ถึงไม่อันตรายแต่ก็ต้องรักษา

โรคแพนิค (Panic Disorder) หรือภาวะตื่นตระหนก ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติทำให้เกิดอาการดังกล่าว ระบบประสาทนี้ควบคุมการทำงานทางชีววิทยาหลายอย่าง ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก ปวดท้อง และเวียนศีรษะ แม้จะไม่มีเหตุผลหรือสัญญาณเตือนแต่อาการก็ปรากฏอย่างรวดเร็ว ผู้ประสบภัยจะกลัว กังวลมาก อย่าไปไหนเลย หลงใหลในสุขภาพที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน อาการตื่นตระหนกอาจทำให้ใจสั่น หัวใจเต้นแรง แน่นหน้าอก เหงื่อออกมาก ตัวหนาว ร้อน หายใจตื้น หายใจไม่สะดวก วิงเวียนศีรษะ ไม่มั่นคง ลอยตัว เป็นลม และกลัวทุกสิ่ง หวาดกลัวแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกโดดเดี่ยว ขั้นตอนแรกในการวินิจฉัยอาการตื่นตระหนกคือการไปพบแพทย์ อาการตื่นตระหนกไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่สำคัญอื่นๆ ได้ รวมถึงความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหัวใจวายเฉียบพลัน

ปัจจัยเสี่ยงต่อการโจมตีเสียขวัญ “ Panic Disorder ” การทำงานของจิตใจไม่ถูกต้อง พันธุกรรม และประวัติครอบครัวเป็นโรคตื่นตระหนกอาจทำให้เกิดได้ มีโอกาสเกิดความผิดปกติของฮอร์โมนในการใช้ยามากกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้สารในสมองไม่สมดุล มีประสบการณ์ ต้องทนทุกข์มาตลอดชีวิต สารกระตุ้น เช่น การทำงานกับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์เป็นเวลานานทำให้เกิดความเครียดและความเร่งรีบ การไม่ออกกำลังกาย พักผ่อนน้อย และเครียดจากชีวิตที่หนักหนาสาหัสภายใต้ความกดดันอย่างต่อเนื่อง อาการตื่นตระหนกไม่เป็นอันตราย อันตรายถึงชีวิตแต่กลับทำให้ผู้ที่เป็นกังวล จะต้องได้รับการจัดการหากบั่นทอนชีวิตประจำวัน ทำให้การดำรงอยู่ตามปกติเป็นไปไม่ได้ การรักษารวมถึงการบำบัดทางเภสัชวิทยาและจิตวิทยา

โรคแพนิครักษาได้ ไม่เป็นอันตรายแต่สามารถรักษาได้ การใช้ยาเพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมองหรือการตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุสามารถรักษาโรคตื่นตระหนกได้ การรักษาให้มีประสิทธิภาพต้องรวมถึงการบำบัดทางจิตด้วย ปรับความคิดและพฤติกรรมของผู้ป่วย เพื่อนสนิทและครอบครัวควรเข้าใจความเจ็บป่วยนี้และให้กำลังใจผู้ป่วย การฝึกหายใจควบคุมจิตใจ อีกหนึ่งกลยุทธ์ในการลดความเครียด ความวิตกกังวล ผู้ป่วยสามารถทำได้ พวกเขาควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความสุขด้วย ปล่อยวางความกังวล กิน และพักผ่อน หลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตเร่งรีบทั้งการใช้คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ แม้ว่าโรคนี้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาการของมันอาจเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพที่สำคัญอื่นๆ รวมถึงความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและหัวใจวายเฉียบพลัน ดังนั้นหากคุณสงสัยว่าเป็นโรคตื่นตระหนก ให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่สมบูรณ์

สรุป

โรคตื่นตระหนกทางจิตอาจไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ส่งผลต่อการคิดของผู้ป่วยอย่างมาก อาจเป็นเพราะผู้ป่วยกลัวการเข้าสังคม รวมถึงความรู้สึกตื่นตระหนกเพื่อลดความมั่นใจในชีวิตของผู้ป่วย ทำให้คุณกลัวที่จะไป หากอาการรุนแรง ผู้ป่วยอาจมีปัญหาทางจิตอื่นๆ ได้ มีการรักษาที่ประสบความสำเร็จ เป็นการผสมผสานระหว่างการใช้ยาและการรักษาสุขภาพจิต ผู้ป่วยมีความก้าวหน้าอย่างมากจนกระทั่งหายเป็นปกติใน 7 หรือ 9 รายจาก 10 ราย โดยจะดีขึ้นอย่างมากใน 6–8 สัปดาห์หลังการรักษา 6 เดือนเพื่อป้องกันการเกิดอาการซ้ำ แพทย์ควรแนะนำให้คุณหยุดยา อย่าหยุดรับประทานยาทันที เพราะการถอนยาหรือกำเริบจะเกิดขึ้น

ขอบคุณที่มา : https://medium.com/@jaovenus00026/panic-disorder-f6d1767e7bd4

--

--