มาๆ ผมจะเล่าให้ฟังว่า 1 เดือนที่บวชได้อะไรบ้าง ( part 1 )

Uoo Worapon
2 min readJan 23, 2018

--

สรุปสั้นๆสำหรับคนขี้เกียจอ่าน
แก่นของศาสนาพุทธนั้นสอนแค่เรื่องเดียวคือวิธีการที่จะพัฒนาจิตใจของเราให้เห็นโลกตามความเป็นจริงครับ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าการเห็นโลกตามความเป็นจริงคืออะไร ผมจะอธิบายง่ายๆว่าตั้งแต่เกิดมา ลองนึกดูครับว่าเราถูกปลูกฝังความคิดหรือค่านิยมต่างๆมาอย่างไรบ้าง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราคิดนั้นเป็นความเห็นผิดหรือไม่หลายๆคนอาจเคยได้ยิน คำของท่านพุทธทาสภิกขุว่า "ตัวกูของกู" ซึ่งเป็นวลีที่ดังมากๆแต่ท่านทั้งหลายเข้าใจไหมว่ามันหมายถึงอะไร"ร่างกายนี่เป็นของเรา บ้านนี่ของเรา นี่แฟนของเรา นั่นหมาของเรา นี่ก็เงินของเรา" สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก่อให้เกิดการยึดมั่นถือมั่นแล้วทำให้เราเห็นผิดไป เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นของเราเป็นของถาวรยั่งยืน พอสิ่งเหล่านั้นหายไป การยึดมั่นก็กลายเป็นความทุกข์ แล้วลองนึกดูว่าตั้งแต่แต่เด็กจนโตเรายึดมั่นถือมั่นในเรื่องใดบ้าง ซึ่งเราอาจนึกไม่ถึงเลยว่าเราได้ยึดตัวของเราไว้กับสิ่งต่างๆรอบๆตัวของเรา ซึ่งสิ่งเหล่านั้นทำให้เรามองเห็นโลกผิดไป ไม่มองเห็นโลกตามความเป็นจริง เช่นเห็นเพื่อนร่วมงานได้ดีด้วยความอิจฉา เห็นรถยนต์หรือโทรศัพท์เป็นเครื่องบอกฐานะ เห็นเงินด้วยความโลภ เห็นคนสวยหล่อด้วยความรู้สึกชอบ เห็นสิ่งไม่สวยงามด้วยความรังเกียจ" ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่เคยสังเกตว่าตัวเรามองเห็นสิ่งต่างๆไปตามความรู้สึกของเรา ไม่ได้เห็นโลกตามความเป็นจริงว่า "ทุกสิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของเขา สิ่งเหล่านั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นธรรมดา"

ก่อนอื่นอยากให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านเข้าใจก่อนนะครับว่า ในโลกนี้มีคนอยู่หลากหลายประเภท มีความชอบความสนใจในสิ่งที่ต่างกันไป ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ไม่สนใจนั้นเป็นสิ่งที่ผิด เช่น ทุกคนคงรู้ว่าการออกกำลังกายสัปดาละ 3–5 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30 นาที เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่รู้เช่นนั้นแล้วจะออกกำลังกายเป็นประจำเพราะนั่นขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละคน

พุทธศาสนาก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ มีทั้ง คนที่เชื่อแล้วเห็นว่าสำคัญ คนที่เชื่อเฉยๆแต่ไม่ได้สนใจอะไร และคนที่ไม่เชื่อเลยเพราะคิดว่าแค่เป็นคนดีทำอะไรก็ได้ที่อยากทำแค่ไม่ให้ไปเบียดเบียนผู้อื่นก็พอ

การเคารพความคิดของผู้อื่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ควรดูหมิ่นความคิดของผู้อื่นโดยใช้มุมมองของตัวเองตัดสิน หากความคิดนั้นยังตั้งอยู่บนความพอดีและสมเหตุสมผล

บวชพระใหม่ ต้องรู้อะไรบ้าง แล้วใน 1 วันต้องทำอะไร

ในการเป็นพระใหม่สิ่งที่จำเป็นต้องรู้มากที่สุดนั่นคือ ศีล ครับ เพราะในศีล 227 ข้อนั้น มี 4 ข้อที่หากกระทำลงไปแล้วจะถือว่าปาราชิก(ขาดจากความเป็นพระ) พระพุทธเจ้าจึงกำหนดให้พระอุปัชฌาย์ที่บวชให้เรานั้นรีบบอกศีล 4 ข้อ ก่อนที่พระใหม่จะออกจากโบสถ์นั่นคือ

  1. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉาน (ร่วมสัมพันธ์ทางเพศกับมนุษย์ หรืออมนุษย์ หรือสัตว์ แม้แต่ซากศพก็ไม่ละเว้น)
  2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ได้ราคา 5 มาสก (5 มาสกเท่ากับ 1 บาททองคำ)
  3. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) แสวงหาและใช้เครื่องมือกระทำเอง หรือจ้างวานฆ่าคน หรือพูดพรรณาคุณแห่งความตายให้คนนั้น ๆ ยินดีที่จะตาย (โดยมีเจตนาหวังให้ตาย) ไม่เว้นแม้แต่การแท้งเด็กในครรภ์
  4. กล่าวอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่จริง อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวเองว่า เรารู้อย่างนี้ เราเห็นอย่างนี้ (อวดว่าตัวเองบรรลุธรรมหรือมีคุณวิเศษต่างๆ โดยที่ไม่ได้มีจริงๆ) ยกเว้นเข้าใจตัวเองผิด

ซึ่งหากสงฆ์ใดปาราชิกแล้วจะถือว่าขาดจากความเป็นพระทันทีโดยที่ยังไม่ได้สึก เป็นอาบัติหนักที่แก้ไขไม่ได้แม้แต่มาบวชใหม่ก็ไม่ถือเป็นพระ ต้องทำใจยอมรับแล้วสึกออกไปมิฉะนั้นจะกลายเป็นพวกอลัชชี (แปลว่า ผู้ไม่ละอาย) ไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ในชาตินี้(เพียงชาติที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น)

การ ทำผิดศีล ข้อใดข้อหนึ่งใน 227 ข้อนั้น จะเรียกว่า ”อาบัติ” ซึ่งระดับความรุนแรงจะต่างกัน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

ครุกาบัติ หมายถึงอาบัติหนัก เป็นอาบัติที่มีโทษร้ายแรง มี 2 อย่างคือ

1. อาบัติปาราชิก เป็นอาบัติที่แก้ไม่ได้ ตามที่กล่าวไปด้านบน
2. อาบัติสังฆาทิเสส เป็นอาบัติหนักอีกประเภทหนึ่งแต่ยังไม่ขาดจากความเป็นพระแต่ต้องอยู่ต้องอยู่ “ปริวาสกรรม” เพื่อให้เกิดความสำนึกโดยมีข้อห้ามดังนี้

  • ทำน้ำอสุจิเคลื่อน (ยกเว้นฝันเปียก)
  • แตะต้องสัมผัสกายสตรี (ตั้งใจสัมผัสในขณะที่มีความยินดีในกาม)
  • พูดเกี้ยวพาราสีสตรี (พูดกับสตรีถึง ทวารหนัก ทวารเบา ถ้าไม่ได้เอ่ยถึง ก็ไม่เป็นสังฆาทิเสส แต่เป็นอาบัติตัวอื่นเทน)
  • พูดจาให้สตรีบำเรอกามให้
  • ทำตัวเป็นพ่อสื่อ
  • สร้างกุฏิด้วยการขอ
  • มีเจ้าภาพสร้างกุฏิให้แต่ไม่ให้สงฆ์แสดงที่ก่อน
  • ใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล
  • แกล้งสมมติแล้วใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล
  • ทำสงฆ์แตกแยก (สังฆเภท)
  • เข้าข้างภิกษุที่ทำสงฆ์แตกแยก
  • ภิกษุทำตนเป็นคนหัวดื้อ
  • ประจบสอพลอคฤหัสถ์

เมื่อสงฆ์ใดกระทำอาบัติสังฆาทิเสสแล้วจะต้องแจ้งแก่สงฆ์ 4 รูปเพื่อขอประพฤติวัตรที่ชื่อมานัต เมื่อสงฆ์อนุญาตแล้วจึงประพฤติวัตรดังกล่าวเป็นเวลา 6 คืน(บวกวันที่อาบัติสังฆาทิเสสแล้วปกปิดไว้) เมื่อพ้นแล้วจึงขอให้สงฆ์ 20 รูปทำสังฆกรรมสวดอัพภานให้ อาบัตินั้นจึงตกไป (กล่าวง่ายๆคือรีบไปบอกพระ 4 รูปว่าเราทำผิดอาบัติสังฆาทิเสส จากนั้นเราจะโดนลงโทษโดยการกักบริเวณและต้องปฏิบัติธรรม 6 คืน + วันที่ปกปิด)

ลหุกาบัติ หมายถึงอาบัติเบา อาบัติที่ไม่มีโทษร้ายแรงเท่าครุกาบัติ มี 5 อย่าง คือ

  1. อาบัติถุลลัจจัย
  2. อาบัติปาจิตตีย์
  3. อาบัติเทสนียะ
  4. อาบัติทุกกฎ
  5. อาบัติทุพภาสิต

ลหุกาบัติหรืออาบัติเบานี้สามารถปลงได้โดยการสวดปลงอาบัติต่อพระที่มีพรรษาแก่ว่าเรา เหมือนเป็นการสารภาพต่อพระผู้ใหญ่เพื่อให้เราระวังมากยิ่งขึ้นในคราวต่อไป รวมๆแล้วศีลมีทั้งหมด 227 ข้อ อย่างน้อยเราก็ควรอ่านผ่านๆตาไว้นะครับ ซึ่งผมคิดว่าน้อยคนที่จะรักษาศีลได้ครบทุกข้อจริงๆ แต่ก็พยายามรักษาไว้ให้ได้มากที่สุด ข้อไหนที่สำคัญๆก็อย่าไปละเลยโดยคิดว่าเป็นอาบัติเบาๆเดี๋ยวค่อยปลงเอา ไม่งั้นก็จะไม่ต่างอะไรกับการเป็นฆราวาส

** ถ้าใครอยากรู้อย่างละเอียดว่าศีลทั้งหมดมีอะไรบ้างให้อ่านได้ตามนี้นะครับ https://pantip.com/topic/33277987

ศีลบางข้อกำหนดมาเพื่อ ให้สงฆ์อยู่ร่วมกันได้โดยสงบ

ศีลบางข้อกำหนดมาเพื่อ ให้สงฆ์อยู่ในความสำรวมเป็นที่น่าเคารพกราบไหว้

ศีลบางข้อถูกกำหนดมาเพราะมีเหตุการณ์ที่สร้างความเดือนร้อนในอดีต

และศีลบางข้อทำให้เรามองเห็นความทุกข์และเอื้อต่อการปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์มากยิ่งขึ้น

ทีนี้ผมจะเล่าตามเวลาในแต่ละวันนะครับจะได้ไล่เรียงสิ่งที่ต้องในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะพูดถึงสิ่งที่ต้องทำหลักๆ เพราะบางทีในแต่ละวันก็จะทำไม่เหมือนกันเพื่อให้พอมองเห็นภาพว่าต้องทำอะไรบ้าง

4:00น. ตื่นนอน ล้างหน้าแปรงฟัน หรืออาบน้ำ

4:30น. ทำวัตรเช้า(สวดมนต์)

6:00น. บิณฑบาตร

7:00น. ฉันเช้า

8:00น. กิจกรรมอื่นๆเช่น กวาดลานวัด

11:00น. ฉันเพล

12:00น. กิจกรรมอื่นๆเช่น กวาดลานวัด

17:00น. ทำวัตรเย็น

19:00น. จำวัด

**สิ่งที่ควรรีบเรียนรู้อันดับแรกเลยเพื่อให้สะดวกต่อตัวเองและไม่ต้องเป็นภาระพระพี่เลี้ยงมากคือการห่มจีวรซึ่งจะมี 2 แบบคือ

  • การห่มดอง (ตัวอย่าง: https://www.youtube.com/watch?v=5OE5hGtXZL8) โดยส่วนมากแล้วพระสงฆ์ที่อยู่ทำกิจกรรมต่างๆรวมถึงการทำวัตรโดยอยู่ภายในวัดจะห่มดอง
  • การห่มคลุม (ตัวอย่าง: https://www.youtube.com/watch?v=5ufATYQ4PiQ&t=6s) จะใช้ห่มออกนอกวัด

และสุดท้ายสิ่งที่พระใหม่ควรรู้ก็คือการท่องบทสวดมนต์ครับ โดยหากเราทำวัตรบ่อยๆก็จะทำให้จำได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งบทสวดมนต์นี้เราจะได้ใช้เวลามีกิจนิมนต์ต่างๆ แต่หากเป็นการบวชระยะสั้นก็ให้ท่องเฉพาะบทที่จำเป็นก่อน เช่นบทให้พรตอนบิณฑบาตรครับ

ใน part1 นี้ ผมสรุปสิ่งที่พระใหม่จำเป็นต้องรู้ก็คือศีลและกิจของสงฆ์นะครับ ส่วนใน part ต่อไปผมจะพูดเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมว่าผมได้ปฏิบัติและได้เรียนรู้อะไรบ้าง

บทความอื่นๆ

มาๆ ผมจะเล่าให้ฟังว่า 1 เดือนที่บวชได้อะไรบ้าง ( part 1)

มาๆ ผมจะเล่าให้ฟังว่า 1 เดือนที่บวชได้อะไรบ้าง ( part 2 )

มาๆ ผมจะเล่าให้ฟังว่า 1 เดือนที่บวชได้อะไรบ้าง ( part 3)

มาๆ ผมจะเล่าให้ฟังว่า 1 เดือนที่บวชได้อะไรบ้าง ( part 4)

--

--

Uoo Worapon

Programmer ขี้ลืม จนต้องจดบันทึกไว้ใน Medium