เครือข่ายสำคัญอย่างไรในยุค “โลกร้อน”

R.Phot
Discovery
Published in
2 min readApr 3, 2018
ภาพ: มติชนออนไลน์ วันที่ 4 พฤษภาคม 2560

คงปฏิเสธิไม่ได้ว่าในปัจจุบันนี้การสร้างเครือข่ายได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชัดเจนที่สุด คือโลกเสมือนที่เราๆท่านๆใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร เข้าสังคม มีกลุ่มคนของตนเองเพื่อตอบสนองเป้าประสงค์บางอย่างร่วมกัน และจะดีแค่ไหนหากการสื่อสารเชื่อมต่อเราเข้าด้วยกันนี้เอื้อประโยชน์มากกว่าเพื่อตัว “เรา”

บทความนี้จะเล่าเนื้อหาต่อเนื่องจากการทำงานของเรา ท่านสามารถติดตามการเดินทางค้นพบของเราได้ที่ discovery หรืออ่านเฉพาะบทความนี้ก็ไม่ได้ทำให้ขาดตอนแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้เราได้ “ค้นพบ”ว่า ทำไมการพยากรณ์อากาศของไทยจึงไม่แม่น ทำไมอากาศจึงมีความซับซ้อน ทำไมเราจึงลุกขึ้นมาสร้างเห็ดARMOGAN และค้นพบว่าเรื่องสภาพอากาศสำคัญกับเราทุกคนมากขนาดไหน โดยตอนนี้จะเล่าถึงแนวคิดการออกแบบที่จะทำให้การพยากรณ์อากาศแม่นยำขึ้น

โดยคำถามสำคัญของเราคือ

“ทำอย่างไรเราจะรู้เท่าทันสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา”

ปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆที่เราได้รับรู้และสัมผัสนั้น เกิดจากความ “เหมาะสม” ของสภาวะหนึ่งๆ ไม่ว่าจะเป็นลมพัดเบาๆ ลมพัดรุนแรง ฝนตกโปรยปราย ฝนตกหนักจนท่วมรอระบาย!!! ไปจนถึงพายุรุนแรงหลังคาปลิ้วห้าบ้านเจ็ดบ้าน เหล่านี้ล้วนเกิดจากหลายปัจจัยของสภาพอากาศ ภูมิประเทศ และสำคัญที่สุดคือ พลังงานที่รับและปลดปล่อยออกมาจากแต่ละพื้นที่

ตัวอย่างเช่นบางพื้นที่ที่เป็นเมืองใหญ่ มีพื้นที่การใช้งานเป็นอาคารมากกว่าพื้นที่สีเขียว พลังงานที่ถูกกักเก็บและปล่อยออกมาจะมากกว่าพื้นที่สีเขียวอย่างพื้นที่เพาะปลูกหรือป่าไม้ ก่อเกิดปรากฏการณ์ “เกาะความร้อน” ตามเมืองใหญ่ ส่งผลให้อากาศมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติได้ 2–5 องศาเซลเซียส จึงไม่แปลกที่อยู่ในมืองจะอากาศร้อนกว่าอยู่ต่างจังหวัดเพราะมีพื้นที่สีเขียวมากกว่า และเกาะความร้อนนี้เองเป็นเหตุของฝนตกหลงฤดูในกรุงเทพฯเป็นประจำ เป็นต้น

ดังนั้นสภาพอากาศจึงแปรเปลี่ยนไปตามสภาพพื้นที่และ “การใช้พื้นที่” และเกิดเฉพาะพื้นที่นั้นๆอีกด้วย อย่างไรก็ตามระบบอากาศขนาดใหญ่อย่างฤดูกาลก็มีผลต่ออากาศท้องถิ่นที่เช่นกัน อย่างมวลอากาศเย็นจากจีนที่พัดพามาก่อฝนในไทยอยู่เสมอทั้งขาประจำและขาจรในแต่ละปี ให้เราได้บ่นกันทุกปีเรื่อยไป

กว่าจะถึงแนวคิดจริงๆก็หลายย่อหน้าเข้าไปแล้ว ด้วยความมุ่งหวังตั้งใจของเราต้องการจะให้ผู้คนรู้เท่ากันสภาพอากาศรอบตัว ทว่าด้วยความซับซ้อนของสภาพอากาศนี่เองที่เห็ดวัดอากาศของเราต้องใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้กลไกอากาศเฉพาะพื้นที่ก่อน จึงจะสามารถแจ้งเตือนพยากรณ์คนในชุมชนได้อย่างแม่นยำ

ทว่าหากมองมุมกว้างเห็ดวัดอากาศของเราเป็นเพียงเครื่องมือสร้าง “ข้อมูล”อันมีอยู่น้อยนิดของประเทศเรา ให้มีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น คุณค่าที่แท้จริงคือการ

“เชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูล”

เชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลเข้าด้วยกัน ทำการประมวลผลเฉพาะพื้นที่ ให้ระบบเรียนรู้ หากวันหนึ่งเราตื่นขึ้นมา นอกจากการรับข้อมูลข่าวสารว่าวันนี้อากาศจะเป็นอย่างไรแล้ว หากแต่ละคน “ยืนยัน” ว่าสภาพอากาศเป็นไปตามที่มีการพยากรณ์มากน้อยเพียงใด เพียงเท่านั้นการแจ้งเตือนครั้งต่อๆไป ก็สามารถทำให้แม่นยำขึ้น จนไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลกลับอีกต่อไป

ลองนึกถึงการ พยากรณ์ว่าฝนจะตก 20% ของพื้นที่กรุงเทพมหานคร แล้วประชาชนยืนยันข้อมูลจากเขตและหรืออำเภอต่างๆในพื้นที่ ว่าพื้นที่ใดที่ตกจริงในช่วงเวลาใด และตกมากน้อยเพียงใด โมเดลการพยากรณ์อากาศเฉพาะพื้นที่จะแม่นยำมากขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อนำโมเดลของแต่ละพื้นที่มาเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนกันอีกครั้งหนึ่ง เราจะได้โมเดลการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำในระดับประเทศ

และด้วย สภาวะ “โลกร้อน” ที่ภูมิอากาศไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว นับวันจะยิ่งคาดเดาได้ยากขึ้นทุกที การสร้างเครือข่ายที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรเป็นล้านๆไร่ ลดความเสียหายจากน้ำป่า ลมแรง มีการวางแผนการซ่อมบำรุง ป้องกันทางสาธารณะสุข การพัฒนาที่อยู่อาศัย การท่องเที่ยว ฯลฯ และอีกมากมายที่สภาพอากาศในอนาคตที่ลูกหลานเราอาจต้องเผชิญและปรับตัวได้ยากกว่าเรา

ARMOGAN หรือระบบตรวจวัดสภาพแวดล้อมแบบองค์รวมระดับท้องถิ่น อยู่ในขั้นสร้างต้นแบบและกำลังจะทดลองติดตั้งในเดือนเมษายนนี้ เป็นการเริ่มเก็บข้อมูลสภาพอากาศที่เรียลไทม์มากที่สุดและวิเคราะห์ร่วมกับปัจจัยอื่นเป็นจำนวนมาก เพื่อให้สภาพอากาศที่ระบบเรียนรู้เข้าใจและแจ้งเตือนชุมชนได้อย่างถูกคน ถูกที่ ถูกเวลาและทันเวลา

ถึงกระนั้นระบบจะแม่นยำขึ้นก็ต้องอาศัยการ “ยืนยัน” การหลายภาคส่วนโดยเฉพาะคนในชุมชน เพราะเมื่อระบบเรียนรู้ได้ถึงจุดหนึ่งและมีการพยากรณ์ที่แม่นแล้ว การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจากโลกร้อนอย่างไร เราก็สามารถแจ้งเตือนได้ แล้วเจอกัน จันทบุรี!!!

--

--

R.Phot
Discovery

Explorers: Trying to learn new things to understand my own way