Personal Mastery เชี่ยวชาญ

RuufimoN
odds.team
Published in
Aug 3, 2024
Personal Mastery

ตอนที่แล้ว เรื่องที่มาของ โครงสร้างมีผลกับพฤติกรรมตอนที่ 1 จบลงตรงที่หนังสือ the fifth discipline ได้ทำให้เราเห็นภาพว่าองค์กรที่เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ควรทำของห้าอย่างและอย่างแรกที่ต้องทำคือทำให้คนทำงานทุกคนในองค์กรเป็น ผู้เชียวชาญ(ผมแปลเอง) เชี่ยวชาญเกิดจากประสบการณ์และการเรียนรู้ ลองผิดลองถูกในแนวทางการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน ด้วยการคิดพิจารณาใคร่ครวญค้นหาวิธีการแก้ไขที่มีประสิทธิภาพจนแตกฉาน สิ่งที่ Senge กล่าวไว้คือ องค์กรเกิดขึ้นได้จากการรวมตัวกันของปัจเจกดังนั้นถ้าคนเหล่านั้นปราศจากซึ่งโอกาสที่จะเรียนรู้และฝึกฝนเราก็ไม่สามารถคาดหวังได้ว่าองค์กรนั้นจะเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ได้

Organizations learn only through individuals who learn. Individual learning does not guarantee organizational learning. But without it no organizational learning occurs.

แต่สิ่งหนึ่งที่เรามักจะตั้งคำถามคือ ปกติเราก็เรียนกันอยู่แล้วนี่ บริษัทส่งเราไปเรียนหนังสือตั้งมากมายหลายสิบคลาสต่อปีพวกเราไม่รอบรู้ตรงไหนนะ?ในหนังสือของ Senge เขียนอธิบายเรื่องนี้ไว้ได้อย่าง ชัดเจนว่า

คนที่มีความเชี่ยวชาญส่วนบุคคลสูงมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนอยู่เบื้องหลังเป้าหมายของพวกเขา พวกเขามองวิสัยทัศน์(vision)ว่าเป็นตัวผลักดันให้ทุกอย่างเคลื่อนที่ได้ มากกว่าที่จะมองมันเป็นแค่ไอเดียที่ที่ที่ไม่สามารถทำได้จริง และมองความเป็นจริงในปัจจุบัน(ที่บางครั้งก็เรื่องยากให้เป็น)พันธมิตร พวกเขายอมรับการเปลี่ยนแปลง มีความอยากรู้อยากเห็นอย่างลึกซึ้ง และพยายามมองความเป็นจริงอย่างถูกต้อง พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงกับผู้อื่นและชีวิต โดยไม่สูญเสียความเป็นเอกลักษณ์ของตน อย่างไรก็ตามสำหรับระบบหรือองค์กรที่มีขนาดใหญ่คนเหล่านี้จะรู้สึกและมองว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างสรรค์ที่ใหญ่ขึ้นและพวกเขารู้ว่าความสามารถของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งที่มีมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีอำนาจมากพอที่จะควบคุมหรือเปลี่ยนสิ่งต่างๆได้ด้วยตัวเอง

พวกเขาเรียนรู้อยู่เสมอและไม่เคยรู้สึกว่าตนเอง ‘เก่งที่สุด’ จนไม่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะแท้ที่จริงแล้ว ความเชี่ยวชาญส่วนบุคคลเป็นวินัยตลอดชีวิต “ต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง” ไม่ใช่สิ่งที่คุณครอบครอง คนเหล่านี้ตระหนักถึงความไม่รู้และพื้นที่การเติบโตของตนเองพวกเขามีความมั่นใจในตนเองอย่างลึกซึ้งและสิ่งที่พวกเขามักมีเหมือนกันคือความเชื่อเรื่อง ‘การเดินทางคือรางวัล’

ดังนั้นเมื่อเราเห็นภาพเรื่องของการเรียนรู้ทดลองเพื่อสร้างความเชี่ยวชาญแล้วเราจะเห็นได้ว่าการทำงานและการใช้ชีวิตก็จะหลอมรวมกันอย่างเป็นธรรมชาตินั่นแปลว่าเราส่งเสริมการพัฒนาตนเองนั้นควรจะหลอมรวมของสองอย่างเข้าด้วยกันเพราะมันมีผลกระทบอย่างมากต่อความสุขของแต่ละบุคคล ดังนั้นการแสวงหาความสุขหรือความสนุกเพียงแค่ภายนอกงานเช่นการเชื่อว่างานเป็นเรื่องที่เราทำเพื่อให้มีชีวิตรอดและความสุขเป็นเรื่องที่เราหาได้นอกเวลาทำงานนั้น เป็นการมองข้ามเวลาสำคัญที่เราใช้ในการทำงานเพราะอย่างน้อยมันคือเวลา 1/3 ของคนในวัยทำงานและมันจะจำกัดโอกาสในการมีความสุขและความสมบูรณ์ของเรา

แล้วเราเรียนรู้จากอะไรเพื่อให้พวกเราเชี่ยวชาญจากนิยามเราจะเห็นคำว่า “ลองผิดลองถูก” นั้นหมายความว่าการเรียนรู้มักจะเกิดจากช่วงเวลามี่เราทำผิดพลาด(failure)(ที่มีขนาดพอดี)และนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่หนังสือได้กล่าวว่า การฝึกฝนเพื่อก้าวไปสู่ความเชี่ยวชาญนั้นจะสร้างความตึง(tension) ความตึงนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะว่าเราตั้งเป้าหมายที่จะไป(vision)และเพื่อจะไปให้ถึงตรงนั้นเราต้องมีชุดของกลยุทธ์(strategies)จำนวนมากเพื่อพาเราไปให้ใกล้เป้าหมายเราที่สุดและเมื่อเกิดช่องว่าง Senge ให้เราจินตนาการว่าในช่องว่างนั้นมี หนังยาง ที่ลูกรั้งออกและตึงความตึงนี้และจะเริ่มดึงเราให้ออกเดินทาง ลงมือทำงาน ลองผิดลองถูก และเมื่อเราเริ่มลงมือทำความผิดพลาดต่างๆจะเป็นตัววัดว่ากลยุทธ์ของเรานั้นทำให้เราห่างจากจุดที่เป็นเป้าหมายมากน้อยแค่ไหนและทุกๆช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเราต้องหยุดและเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อปรับกลยุทธ์ของเราใหม่ ดังนั้นสิ่งที่พวกเราควรตระหนักรู้อยู่เสมอคือ ความผิดพลาดไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีความสามารถหรือเราไม่มีพลังมากเพียงพอที่จะทำ มันคือตัวขับเคลื่อนการเรียนรู้

ในส่วนถัดผู้นำสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ส่วนบุคคล? สิ่งหนึ่งที่ผู้นำควรจดไว้เสมอคือ ตามที่ศาสตราจารย์ Edgard Schein จาก MIT Sloan กล่าว องค์กรโดยธรรมชาติแล้วเป็น ‘ระบบบังคับ’

Organizations are by their nature “coercive systems.”

เพราะ ระบบ ที่มักจะประกอบไปด้วยโครงสร้าง กฎ ข้อบังคับ กระตรวจสอบและการวัดผล จะทำให้คนที่อยู่ในระบบมีพฤติกรรมที่สอดคล้องกับระบบดังนั้นองค์ประกอบ

ดังนั้นพวกเขาควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับหลักการของการเรียนรู้ส่วนบุคคลที่สามารถถูกปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งหมายถึงการสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้คนในการสร้างวิสัยทัศน์ แสวงหาความจริง และท้าทายสถานะที่เป็นอยู่

กลยุทธ์การเป็นผู้นำที่สำคัญนั้นง่ายมาก: เป็นแบบอย่าง ทำให้ดูด้วยการมุ่งมั่นในการเรียนรู้ส่วนบุคคลของคุณเองเพราะการกระทำสำคัญกว่าคำพูด และวิธีที่ดีที่สุดในการกระตุ้นผู้อื่นคือการจริงจังกับการเติบโตของคุณเอง แสดงสิ่งนี้ออกมาให้ทุกคนในองค์กรเห็น

--

--

RuufimoN
odds.team

ชายวัยกลางคน มีเมียหนึ่งคน ลูกสาวสองคน นกสี่ตัว