ความล้มเหลวของ Airbus A380
The First Risk in Your Project Is About “People”.
ได้อ่านบทความที่ชื่อ Why Your IT Project May Be Riskier Than You Think แล้วมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังครับ เป็นกรณีความล้มเหลวในการสร้างเครื่องบิน Airbus A380
ประวัติของ Airbus
บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1970 ด้วยจุดประสงค์สองประการ หนึ่งคือเพื่อสร้างสหภาพ (Consortium) ของผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินทางการทหารขึ้นมาจากบริษัทที่มีอยู่แล้วใน 16 เมือง 4 ประเทศในยุโรปซึ่งได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมัน อังกฤษ และสเปน และสองเปลี่ยนแปลงบริษัทที่มีอยู่นั้นให้ทันสมัยเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับบริษัทจากฝั่งสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น เช่น Boeing, McDonnell Douglas และ Lockheed (ตอนนี้เหลือแต่ Boeing แล้ว) ปัจจุบันนี้ Airbus มีโรงงานประกอบเครื่องบินขั้นสุดท้ายที่ Toulouse (ฝรั่งเศส) Hamburg (เยอรมัน) Seville (สเปน) และล่าสุด Tianjin (จีน)
ที่มาของ Airbus A 380
ประมาณปี ค.ศ. 1990 Airbus เริ่มมีแนวคิดที่จะสร้างเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่มาเพื่อแข่งขันกับ Boeing (Boeing 747) ซึ่งครองตลาดกลุ่มนี้อยู่ในช่วงนั้น หลังจากผ่านการทำวิจัยการตลาด วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโอกาสทางธุรกิจแล้ว ในปี ค.ศ. 1994 Airbus ก็ตัดสินใจที่จะลุย พวกเค้าพิจารณาทางเลือกต่างๆสำหรับการทำโครงการนี้ นั่นรวมถึงการออกแบบเพื่อขยาย A340 (เครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทในขณะนั้น) ให้ใหญ่ขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็เลือกที่จะสร้าง A380 แบบใหม่เอี่ยมเลย ผ่านไป 5 ปีของการเตรียมงานปี ค.ศ. 2000 Airbus จึงประกาศเปิดโครงการที่จะสร้างเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นมาอย่างเป็นทางการ ดูคุณสมบัติเต็มๆของ A380 ได้ที่นี่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในช่วงที่เริ่มต้นโครงการ Airbus A380 นั้น Airbus ได้ทำการปฏิวัติโครงสร้างองค์กรใหม่โดยย้ายผู้บริหารระดับสูงจากทั้ง 16 สาขาใน 4 ประเทศมาอยู่ที่เดียวกัน (แนวทางสร้าง Cross-Functional Team? 55) หวังว่าการทำงานที่ใกล้ชิดกันมากขึ้นจะช่วยให้การติดต่อสื่อสารและประสานงานจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปด้วย แต่มันไม่เป็นอย่างที่หวังเพราะว่าการรวมตัวครั้งนี้มันไม่แนบสนิทซักเท่าไร ถึงแม้ว่าจะมีการทำงานประสานกันในบางส่วน แต่ความคิดที่ยืดติดกับบริษัทแม่ของตัวเองจริงๆแล้วยังมีอยู่มาก เช่น ถึงแม้หน่วยงานจากสาขาต่างๆจะร่วมกันออกแบบ Airbus A380 แต่หน่วยงานเหล่านั้นก็ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลทางด้านการเงินให้แก่กัน แถมต่างคนก็ต่างจะพยายามแข่งกันทำกำไรให้กับบริษัทแม่ของตัวเองโดยขายสินค้าราคาแพงให้กับหน่วยงานอื่นๆ เริ่มต้นก็ดูไม่ดีซะแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเห็นปัญหาที่ซ่อนอยู่นี้เลย (เหตุการณ์คุ้นๆ)
เรื่องมันมาแดงตอนประมาณ ปี 2005 โรงงานผลิตที่เยอรมันและฝรั่งเศสเริ่มออกมากล่าวโทษอีกฝ่ายว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้การส่งมอบ Airbus A380 ต้องล่าช้าออกไปจากปี ค.ศ. 2005 เป็น 2006 ถึงตรงนี้ Project เริ่มดีเลย์แล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ปี ค.ศ. 2006 ขั้นตอนการประกอบระบบสายไฟซึ่งออกแบบและผลิตที่ Hamburg ต้องล้มเหลวเพราะว่าไม่สามารถติดตั้งให้เข้ากับตัวเครื่องบินที่ออกแบบและผลิตโดยโรงงานที่ Toulouse อยากรู้มั้ยว่าปัญหานี้เกิดจากอะไร
การออกแบบระบบสายไฟที่ Hamburg นั้นใช้ซอฟท์แวร์ที่ชื่อ CATIA ซึ่งเป็นรุ่นเก่า (version 4) แต่การออกแบบตัวเครื่องบินที่ Toulouse นั้นใช้รุ่นล่าสุด (version 5) !!! โชคไม่ดีที่ว่ามันมีปัญหา Compatibility ของซอฟท์แวร์สองรุ่นนี้อยู่ ทำให้การติดตั้งระบบสายไฟซึ่งยาวกว่า 300 ไมล์ในเครื่องบินล้มเหลว
ปัญหานี้ทำให้ Airbus ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องระงับสายการผลิต Airbus A380 แล้วมาออกแบบระบบกันใหม่ซึ่งทำให้ต้องเลื่อนวันส่งมอบสินค้าไปอีกสองปี ผลที่ตามมาคือ Airbus เสียหายเป็นเงิน 2.8 หมื่นล้านยูโร นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบให้ Project อื่นๆที่ทำอยู่ต้องเลื่อนออกไปด้วย จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ปี 2005 กลายมาเป็นเดือนตุลาคม ปี 2007 ครับ ซึ่ง Airbus A380 ลำแรกถูกส่งมอบให้กับสิงค์โปร์ แอร์ไลน์ … เป็นสองปีที่หายไปพร้อมกับโอกาสดีๆมากมาย และนับจนถึงปี 2010 Airbus ก็ไม่สามารถผลิตและส่งมอบเจ้า Airbus A380 ได้ทันตามแผนการผลิตที่วางไว้เลย
บทเรียนที่หนึ่ง — Bad Communication
มันไม่น่าเชื่อเลยว่าบริษัทระดับใหญ่โตขนาดนี้จะมาทำผิดพลาดกับเรื่องที่ใช้ซอฟท์แวร์กันคนละรุ่น แถมโครงการนี้ไม่ใช่แค่สามเดือนหกเดือน นี่มันโครงการระดับ 4–5 ปี แต่ไม่มีใครรู้เรื่องหรือระแคะระคายกับปัญหาที่ซ่อนอยู่นานถึงเกือบ 4 ปี
เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่าการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญมากแค่ไหนในโลกของการบริหารจัดการโครงการอาจารย์ที่สอนวิชา Project Management ผมย้ำเสมอว่าทักษะและหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของ Project Manager ที่ดีคือการสื่อสาร จากผลสำรวจหลายๆครั้ง Bad Communication เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้โปรเจกต์ล้มเหลวมาโดยตลอด ดังนั้นหน้าที่ของ Project Manager คือต้องสื่อสาร สื่อสาร และสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
บทเรียนที่สอง — Bad Organization
ถ้าเรามองปัญหาแค่ผิวเผินเราก็คงจะโยนความผิดไปให้ Project Manager ที่สื่อสารและจัดการ Technical Issues ได้ไม่ดีพอ แต่ถ้าเราถามตัวเองต่อไปว่า แล้วมันมีอะไรที่เป็นสาเหตุอยู่เบื้องหลังอีกมั้ย? เราอาจจะมองเห็นว่าปัญหาใหญ่ที่แท้จริงมันมาจากผู้บริหารระดับสูง เพราะว่าผู้บริหารระดับสูงล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในการทำงานภายใต้ร่มคันใหญ่ยี่ห้อ Airbus อย่างที่กล่าวไว้ข้างบนว่าการรวมตัวของบริษัท (สาขา) ต่างๆจาก 16 เมืองใน 4 ประเทศนั้นเป็นเพียงแค่การรวมตัวอย่างหลวมๆเท่านั้นเอง พนักงานส่วนใหญ่ยังคงจงรักภักดีอยู่กับบริษัทแม่เดิมของตัวเอง และกำแพงนี้ไม่ได้ถูกทำลายลงง่ายๆด้วยการแค่ประกาศว่า “เรามารวมบริษัทกันเถอะ”
ลองคิดเล่นๆดูว่าขนาดเราเป็นคนไทยด้วยกัน พูดภาษาเดียวกัน ทำงานบริษัทเดียวกันยังมีเรื่องความรัก ความชอบ ความไม่ชอบ แล้วก็การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งเยอะแยะ แล้วกับบริษัทที่ต้องมีสาขา 16 สาขากระจายอยู่ใน 4 ประเทศหละมันจะวุ่นวายขนาดไหน … ก็ขนาดที่เห็นนี่แหละ สองปีกับอีก 2.8 หมื่นล้านยูโร
ความล้มเหลวของ Airbus A380 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการจัดการและความแตกต่างทางวัฒนธรรมในองค์กรมีผลอย่างมากต่อความก้าวหน้าของงานทุกอย่าง ดังนั้นก่อนที่เราจะเริ่มต้นทำโปรเจกต์อะไร เราในฐานะ Project Manager ต้องมั่นใจว่าบุคคลากรที่มีเราพร้อมจะทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องถึงขนาดรักกันกลมเกลียวหรอก ขอให้ทุกคนมีความเป็นมืออาชีพ มีความรับผิดชอบต่องาน เพื่อนร่วมงาน และบริษัทก็พอ
ใจนึงก็อยากพูดเหมือนย่อหน้าข้างบนนะ … แต่ความจริงที่รู้กันอยู่ก็คือมันทำไม่ได้ในเวลาสั้นหรอก ไอ้คำว่า “พร้อมจะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ” ดังนั้นสิ่งที่ Project Manager ควรทำอยากแรกเลยคือ
ระบุความเสี่ยงตัวแรกของโปรเจกต์นี้ว่า “ความขัดแย้งระหว่างบุคคล (People Conflict)” ฮ่าๆ … ไม่เชื่ออย่าลบหลู่น้าาา ปัญหานี้ลุกลามบานปลายจนทำให้งานไม่เป็นงาน เพื่อนไม่เป็นเพื่อนมานักต่อนักแล้ว ☺
ผมเขียนบทความนี้เพราะอยากเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตซอฟท์แวร์ให้ดีขึ้นตามความเชื่อและประสบการณ์ของผม ถ้าเพื่อนๆเชื่อในแนวทางเดียวกัน เรามาช่วยกันคนละไม้คนละมือทำให้สังคมของเราดีขึ้นครับ จะแชร์บทความนี้ผ่าน Social Network หรือจะแบ่งปันเรื่องราวนี้ให้คนที่นั่งข้างๆฟังบ้างก็ได้
The Future Has Arrived — It’s Just Not Evenly Distributed Yet, William Gibson
อนาคตอยู่ตรงนี้แล้ว เรามีหน้าที่ต้องถ่ายทอดมันออกไปให้คนอื่นได้สัมผัสสิ่งดีๆร่วมกันครับ