ฝึกงานก่อนเข้าปี 1 มีอยู่จริง: รีวิวประสบการณ์ฝึกงาน Data Analyst ที่ FOXBITH 🦊

Jirayu Kaewsing
FOXBITH
Published in
2 min readJun 27, 2024

บทความนี้ผมจะมาเล่าถึงประสบการณ์ตลอด 2 เดือนที่ผมได้มาฝึกงานในตำแหน่ง Data Analyst ที่บริษัท FOXBITH ตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์จนถึงการทำงานจริงว่าได้รับประสบการณ์อะไร เตรียมตัวยังไง สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ และได้เรียนรู้อะไรกลับไปบ้าง

สวัสดีครับ ผมเอ็ม ปัจจุบันเรียนอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(KMITL) คณะวิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ภาคนานาชาติ (B.Eng. Robotics and AI Engineering)

The Padawan 8th Generation Internship

นึกยังไงถึงมาฝึกงานก่อนเข้าปี 1? 🤔

ต้องบอกเลยว่าด้วยความที่ผมนั้นติดลาดกระบังตั้งแต่ตอนรอบ Early Round จึงทำให้ผมค่อนค่างที่จะมีเวลาเหลือก่อนที่จะเข้ามหาลัยมาก (วันๆ ไม่ทำอะไร นอนอย่างเดียว555) ผมเลยได้ตัดสินใจไปลองเข้าร่วมงาน Thailand Student Developer Summit เพื่อที่จะได้ลองหาประสบการณ์ก่อนเข้ามหาลัยดู

และในงานนั้นเองผมก็ได้พบกับพี่ฝ้าย(Narisara Limpisirisant) ที่เป็นหนึ่งใน Microsoft Student Ambassdor ที่มาพูดในงานนี้ ซึ่งพี่แกก็พูดถึงประสบการณ์ที่ได้ไปฝึกงานสาย Data Engineer ตั้งแต่ตอนปี 1 (รายละเอียดเพิ่มเติมกดไปตามอ่านที่ Medium พี่แกตรงนี้ได้เลย) และมันก็ได้จุดประกายให้ผมนั้นได้ตัดสินใจที่จะลองฝึกงานหาประสบการณ์ดูบ้าง

โดยหลังจากที่พยายามหาที่ฝึกงานงานมาซักพัก ผมก็ได้ไปพบเจอกับบทความหนึ่งที่ได้รีวิวประสบการณ์ฝึกงานในตำแหน่ง Data Analyst ที่บริษัท FOXBITH

ซึ่งพอไปลองอ่าน job description ก็พบว่ามันคือสิ่งที่ผมเคยเรียนมาตอน ม.ปลายอยู่แล้ว เลยตัดสินใจลองส่ง resume สมัครไปดู

การสัมภาษณ์ 🗣️

ตอนที่ผมสัมภาษณ์ จะคุยกันผ่าน Google Meet โดยคนที่มาสัมภาษณ์ผมนั้นก็คือพี่กาน(Kan Pawarisson) Co-Founder ของ FOXBITH นั่นเอง ตอนแรกเปิดมาก็แอบเกร็งอยู่ว่าจะโดนคำถามยาก แต่พี่แกเป็นกันเองมาก555 คุยเพลินๆเลย

เริ่มมาพี่แกจะให้เราแนะนำตัวเองก่อนว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงอยากมาทำงานที่นี่ หลังจากนั้นพี่แกก็จะถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของเราว่าเราเคยทำอะไรในหัวข้อของ Data Analysis, Data Cleaning และ Data Processing มาบ้าง ผมก็เลยแชร์จอเปิด Open Source ที่ผมเคยทำมาให้พี่เขาดูว่าผมใช้เทคนิคอะไรในการ Clean/Analyze ข้อมูลมาบ้าง

เริ่มงานวันแรก 🖥️

วันแรกที่ผมเข้ามาทำงานก็จะมีการทำ Orientation ที่จะเป็นการอธิบาย Vision ของบริษัท, ระบบการทำงานและงานที่เราจะได้รับมอบหมายให้ทำตลอดการฝึกงานในครั้งนี้ พอจบ orientation ผมก็ได้ไปแนะนำตัวให้กับพี่ๆ ในบริษัท ทุกคนคุยง่ายและเป็นกันเองมากกก

โดยโจทย์ที่ผมได้จะเป็นการสร้าง Lead Generation System ที่เป็นการนำข้อมูนิติบุคคลจากรัฐมาทำการวิเคราะห์และสร้างเป็นระบบ Recommendation System ขึ้นมาเพื่อให้ฝ่าย sale หาบริษัทที่จะมาเป็นคู่ค้าได้ง่ายขึ้น

ในช่วงสัปดาห์แรก จะเป็นช่วงที่ผมเริ่มทำความเข้าใจ Architecture ของบริษัทและ Research หัวข้อที่ตัวเองจะทำเพื่อปรับตัวให้พร้อมสำหรับการทำ Project จริง โดยมีพี่ที่เป็น Lead ของทีมเราเป็นคนคอยสอนเรื่องต่างๆ ที่จำเป็นต้องรู้ให้

โดยเมื่อผ่านไปซักระยะจนพี่ Lead ทีมมองเห็นว่าเราพร้อมแล้ว เขาก็จะให้เราเริ่มลง Project จริง(ปกติการปรับตัวจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน แต่ผมใช้เวลาแค่ 1 สัปดาห์เพราะผมมีพื้นฐานมาก่อนแล้ว) โดยจะมอบหมายงานมาในรูปแบบของ GitHub Issue โดยจะได้ค่าตอบแทนตามจำนวน Issue ที่เราปิดได้ในแต่ละเดือน

ชีวิตการทำงาน 🧳

บริษัทนี้เริ่มงานกันตอน 9.30 น. โดยจะมีการทำ Standup meeting เพื่ออัปเดตความคืบหน้า, ปัญหาและเป้าหมายของงานที่จะทำในวันนั้นของแต่ละทีม และเลิกงานเวลา 18.30 น.

บริษัทนี้ใช้การเข้างานแบบ Hybrid ที่สามารถ Work From Home หรือจะมาทำ Onsite ก็ได้ตามสะดวก เข้างานจันทร์-ศุกร์ ส่วนตัวผมชอบมาทำที่ออฟฟิศ(ก็อยู่บ้านมาหลายเดือนละ555 อยากออกมาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกบ้าง)

โดยการทำงานของออฟฟิศนี้จะเป็นในรูปแบบ Agile โดยแบ่งการทำงานแต่ละช่วงออกเป็น “sprint” โดยแต่ละ sprint จะทำงานกัน 2 อาทิตย์ โดยวันแรกของแต่ละ sprint จะเป็นวันที่ใช้ในการวางแผนงานว่า sprint นั้นๆ จะทำอะไรบ้าง และวันสุดท้ายของแต่ละ sprint ก็จะมี Demo Day ให้เด็กฝึกงานทุกคนได้มาโชว์ของว่าใน sprint นั้นทำอะไร/ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆไปบ้าง

ได้เรียนรู้อะไรระหว่างฝึกงานบ้าง? 📝

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการฝึกงานในครั้งนี้หลักๆ เลยก็น่าจะเป็นในส่วนของการใช้งาน Tools จากต่างๆ จาก Google Cloud Platform อย่าง Google Cloud Storage, Looker Studio และ Google BigQuery ที่ทั้งชีวิตก็ไม่น่าจะได้ลองถ้าไม่ได้ทำงานกับบริษัทจริงๆ

ในส่วนทักษะเรื่องการทำ Data ที่ขาดไปไม่ได้เลยคือความรู้ในเรื่องการใช้งานฐานข้อมูล งานนี้ทำให้ผมได้ไปลองฝึกใช้ PostgreSQL อย่าง Supabase เป็นครั้งแรก และยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง ETL workflow อีกด้วย

อีกอย่างที่น่าจะหาไม่ได้จากการเรียนรู้ด้วยตัวเองเลยคือทักษะในการเล่นกับข้อมูลขนาดใหญ่มากๆ ยกตัวอย่างเช่น Dataset ข้อมูลนิติบุคคลที่ผมได้รับมอบหมายให้ทำใน Project (1.7M Record 💀) ทั้งเรื่องเทคนิคในการ clean และตัด data ที่ไม่สมบูรณ์, การทำ Data Normalization และการทำ Feature Engineering เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับนำไปใช้ในการทำ Machine Learning ต่อ

นอกจากทักษะในเรื่องของ Data แล้ว อีกด้านที่จะไม่พูดถึงในงานนี้เลยไม่ได้ก็น่าจะเป็นในส่วนของทักษะการทำ Machine Learning จากข้อมูลที่มีเพื่อใช้ในการทำนายผลลัพธ์ บอกได้เลยว่าผมได้เรียนรู้ Machine Learning Algorithm ไปหลายตัวมาก ทั้ง Cosine Similarity, Random Forest Classifier, Matrix Factorization และอื่นๆ อีกมากมาย

และอย่างสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือความรู้ในการใช้งาน LLM มาช่วยในการทำ Recommendation System ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับผมมาก ที่ผ่านมาผมยังไม่เคยลองจับ LLM จริงๆ มาก่อน(ปกติเคยทำแต่ Computer Vision กับ NLP ง่ายๆ) พอได้มาทำงานที่บริษัทก็จัดเต็มไปเลย555

สรุป 🖊️

การที่ผมได้มาฝึกงานกับบริษัท FOXBITH เป็นอะไรที่ผมคาดไม่ถึงมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะได้งานจากการที่ตัวเองทำ Open Source บอกได้เลยว่าการฝึกงานในครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่สนุกและท้าทายมากกกก ทั้งได้ทำงานกับข้อมูลขนาดใหญ่และการใช้ความรู้ในการทำ Machine Learning จากตอน ม.ปลาย เอามาใช้ในการทำงานจริงๆ และได้เจอกับพี่ๆ ในบริษัทที่คอยให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ ทุกคนใจดีมากก ผมเองอยากฝึกงานกับพี่ๆให้นานกว่านี้นะถ้าไม่ติดเปิดเทอมซะก่อน555

สำหรับใครที่สนใจอยากฝึกงานกับบริษัท FOXBITH สามารถกดสมัครตาม ลิ้งค์ Internships นี้ได้เลยครับ

--

--