เบื่อการถูกดูดข้อมูลบ้างหรือยังครับ? Blockchain อาสาเข้ามาช่วยเหลือคุณเอง!!

Matsee Wanteh
Loom Network Thai
Published in
4 min readMay 25, 2018
คนส่วนใหญ่ (ซึ่งคิดผิด) ว่าจะไม่มีคู่แข่งเข้ามาแทนที่ Facebook ได้

บทความนี้แปลมาจาก Sick of Zuckerberg Pimping You Out? The Blockchain Might Be Your Savior เขียนโดย Dilanka McLovin ถ้ามีส่วนไหนในบทความที่แปลผิด ขอความกรุณาแจ้งให้เราทราบได้ตลอดผ่านทาง Private Note ขอบคุณค่ะ

คุณอาจโกหกใสใสกับเพื่อนและครอบครัวของคุณ เพื่อให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น แต่ทั้งตัวคุณและผมนั้นย่อมรู้ดีว่าพวกเราไม่สามารถพูดปดกับ search engine ได้เลย

…และ นับตั้งแต่ search engine อย่าง Google สามารถเข้าถึงความนึกคิดที่ลึกที่สุดของคุณได้ ผมพูดได้เลยว่ามันรู้จักคุณมากกว่าคุณรู้จักตัวเองอีกครับ

แต่ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม — คุณก็ตกอยู่ภายใต้การจับตามองอย่างใกล้ชิด

ทุกครั้งที่คุณส่งอีเมล ค้นหาข้อมูลใน Google search หรือ โพสต์บน Facebook คุณได้ถูกอัลกอริทึ่มเข้าสู่บิต เพื่อนำข้อมูลไปแสวงหากำไร

บริษัทที่เกี่ยวข้องได้ทำการสูบข้อมูลที่ลับเฉพาะของคุณ และขายให้กับบริษัท third party เพื่อผลกำไรของตัวเขาเอง — คุณกำลังถูกบริษัท อย่าง Facebook ขูดรีดข้อมูลออกไปอย่างจริงจัง

พูดง่ายๆ คุณเหมือนเป็นวัวนมฮอกไกโดแห่งโลกดิจิตัลเลยทีเดียว

แต่ทว่า คำถาม คือ แล้วมันจะนับว่าเป็นเรื่องผิดที่บริษัทเข้ามาแสวงหาประโยชน์ไหม ถ้าหากคุณเต็มใจในการเข้ารับบริการทั้งๆ ที่รู้ว่าเรื่องแบบนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นได้?

ตัวอย่างเช่น…

ท่ามกลางเรื่องอื้อฉาว Cambridge Analytica ล่าสุดที่เกิดขึ้น — นุ้งมาร์ค ซัคฯ ได้ออกมายอมรับ แล้วว่าได้อ่านข้อความสนทนาสวนตัวของพวกคุณใน private messages ของ Facebook

ดังนั้น เมื่อคุณมั่นใจว่าข้อความส่วนตัวของคุณใน Messenger นั้นสมควรที่จะเป็นความลับ แต่กลับกลายเป็นว่าคุณมีเจ้าอัลกอริทึ่มที่มองไม่เห็น ซุ่มดูและแอบฟังเรื่องที่คุณคุยเกี่ยวกับธุรกิจอยู่

ไม่เพียงเท่านั้น Facebook ยังสามารถ ติดตามว่า คุณพิมพ์อะไรเข้าไปและ ลบออก แม้จะไม่ได้โพสลงไปก็ตาม — เพื่อสามารถที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการวิเคราะห์ถึงความน่าจะเป็นในอนาคต

พูดให้ดูโรคจิตเข้าไปอีกแล้วละก็ Facebook ยังคงกว้าน ซื้อข้อมูลที่เกี่ยวกับคุณ อย่างต่อเนื่อง จากกว่าหนึ่งพันบริษัทที่เป็นนายหน้าค้าขายข้อมูล เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกี่ยวกับคุณได้ถูกต้องที่สุด อย่างเช่น รสนิยมทางเพศของคุณ ความชื่นชอบทางการเมือง สถานะความสัมพันธ์ ยาที่คุณใช้ และ เรื่องทางจิตภาพเรื่องอื่นๆ

ถ้า Orwell Welles ยังมีชีวิตอยู่ ภาพยนต์ 1984 ก็จะกลายเป็นสารคดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

Marky Zucks ท่าก็จะประมาณนี้….

กล่าวอีกทางหนึ่ง คือ คุณไม่มีทางควบคุมวิธีที่ Facebook ปฏิบัติกับคุณหรือข้อมูลของคุณในอนาคตได้เลย

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ใช้ คือ การไร้ซึ่งทางเลือกในการหาเครือข่ายทาง Social Network ขนาดใหญ่ แบบ Facebook ได้

แน่นอนครับ มันมีทางเลือกอื่นๆ ที่จะมาโฟกัสเรื่องความเป็นส่วนตัวบน Facebook แต่ว่าไงใครเขาสนใจกันละครับ?

ถ้าเพื่อน และครอบครัวของคุณไม่ได้ใส่ใจมัน อิงตาม Metcalfe’s law นั้นมันก็ไร้ประโยชน์เพราะขาดผลกระทบจาก network

ข่าวดีก็คือ…

ในขณะที่ยังไม่มีทางเลือกอื่นๆ นอกจาก Facebook *ณ ตอนนี้*,นักเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมหลายๆ คน กำลังสร้างตัวเลือกที่เป็นไปได้สำหรับอนาคต

หนึ่งในคู่แข่งที่มีศักยภาพน่าจะเป็น Tim Berners-Lee’s (ผู้ก่อตั้ง World Wide Web) กำลังสร้างโปรเจคใหม่ Solid ที่มีเป้าหมายในการเปลี่ยน
กระบวนทัศน์ทั้งหมดเกี่ยวกับการใช้งานเว็บแอพพลิเคชัน ซึ่งจะทำงานโดยให้สิทธิ์การเป็นเจ้าของข้อมูลที่แท้จริงแก่ผู้ใช้ปลายทาง

อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือ การรันเครือข่ายโซเชียลขนาดใหญ่ แบบ Facebook บน Blockchain

Facebook ที่ใช้ Blockchain-based จะไม่สมบูรณ์แบบเท่าไร แต่ทว่ามันก็มีประโยชน์ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

ฟังนะครับ ผมก็แสนจะเบื่อเหมือนกับพวกคุณๆทั้งหลาย ที่ได้ยินว่า ทุกคนพยายามที่จะนำเทคโนโลยี Blockchain ไปใช้กับเรื่องไร้สาระ อื่นๆมากมาย

แต่ทว่า มาฟังผมก่อน— มาลองประลองสมองกันหน่อยนะครับ

ลองนึกภาพสักนิดนะครับ เกี่ยวกับการใช้ Social Network ที่รันระบบในสเกลขนาดใหญ่ระดับ Facebook บน Blockchain

มันจะเป็นเรื่องล้มเหลวที่แสนเศร้าไหมครับ? หรือว่าจะเป็นการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ที่ทำให้ Marky Zucks เดินออกจากธุรกิจไปอย่างรวดเร็วตามหลังพี่ๆ Kodak หรือ Blockbuster ?

เห็นว่า Zucks เพิ่งจัดสรรทีมทั้งหมด เพื่อไป “สำรวจโลกของ Blockchain” สำหรับ Facebook เป็นเรื่องที่แน่นอนครับ เขากังวลอย่างมากเกี่ยวกับความสำคัญของมันต่อ Facebook

ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดูน่าเสี่ยง แต่ไม่มีใครก็ตามสามารถปฏิเสธความจริงที่ว่า การใช้ Blockchain รันระบบ social networks อย่าง Facebook นั้นมีประโยชน์ จริง

ดังตัวอย่าง….

ถ้า Facebook รันระบบบน Blockchain…🤔

1.) ชุมชนผู้ใช้งานระบบจะเป็นคนควบคุม network’s data ไม่ใช่บริษัทฯ

Facebook เป็นเจ้าภาพในการเป็นบริษัทฯ centralized ที่ต้องจ่ายเงินให้ web servers ด้วยการขายข้อมูลของคุณให้กับบริษัทโฆษณา แต่เมื่อหันมาใช้ Blockchain แทนที่ servers แล้วละก็ social network ก็จะรันระบบโดยการผลักดันของ community-driven nodes

บน Blockchain ใครก็ตามสามารถที่จะรัน node และร่วมเป็นเจ้าภาพบนแพลตฟอร์ม — ที่จะช่วยให้คุณมีอำนาจในการโหวตในการจัดสร้างข้อกำหนดร่วมกันบนโลก social network

และเนื่องจาก sensitive data ของคุณไม่ถูกขายกับเหล่าบริษัทโฆษณา เพื่อเป็นการจ่ายเงินให้กับ servers ตัว networks Data ก็จะถือครองโดยผู้ใช้งาน ไม่ใช่ของ บริษัทฯ นี่ยังไม่กล่าวถึง ถ้าคุณตัดสินใจที่จะออกจาก network คุณก็สามารถที่จะดาวน์โหลด ข้อมูลทั้งหมดของคุณ นับตั้งแต่วันแรกที่คุณเข้าใช้ระบบ

2.) มันควรจะเป็นระบบประชาธิปไตย และสามารถ fork ได้

ในกรณีที่คุณไม่เห็นด้วยกับทิศทางที่ Network รัน คุณและเพื่อนๆสามารถที่จะทำตามที่ต้องการ ด้วยการ forking แอปพลิเคชั่น

Forking คือความสามารถในการทำสำเนาแอปฯ และข้อมูลทั้งหมด (โดยไม่ต้องขออนุญาตจากผู้อื่น) และทำการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามที่คุณต้องการ บน เครือข่ายในทิศทางของตนเอง

และเมื่อคุณทำการ fork บน Network การ forks ทั้งสองแบบ สามารถดำเนินไปพร้อมๆกัน และทั้งสองจะทำการสร้างสำเนาข้อมูลจากจุดเริ่มต้น — ผู้ใช้ และ nodes จึงทำการลงคะแนนเสียง เลือกใช้แพลตฟอร์มเวอร์ชั่นใดก็ตามที่พวกเขาชอบมากกว่าอีกตัวหนึ่ง

ซึ่งไม่เหมือนกับ Facebook เมื่อเวลาที่คุณตัดสินใจออกจากแพลตฟอร์ม เพราะคุณไม่ชอบแนวทางที่มันกำลังเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็จะเสียทุกอย่าง ส่วนบน Blockchain ที่แตกต่างนั้นก็คือ คุณจะไม่เสียสิ่งที่คุณสั่งสมมาตลอดหลายปี ที่ได้เฝ้าเพียร อุทิศตนบน Site

ถ้าใครสักคนต้องการที่จะสร้างทางเลือกที่ดีไปกว่า Facebook พวกเขาก็สามารถสร้างได้ด้วยข้อมูลตั้งต้นที่มีและข้อมูลจากผู้ใช้งานบน Site

การ Forking โซเชียลเน็ตเวิร์ค ที่มี Blockchain เป็นฐานนั้นจะสร้างความมั่นใจให้ได้ว่าทุกบทความ เรื่องที่โพสต์ และ social graph data จะยังคงเหมือนเดิม

3.) คุณจะได้รับอิสรภาพทางด้านการพูดอย่างแท้จริง แทนที่จะเป็นภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นมา

มันจะไม่เหมือนใน Facebook เพราะจะไม่มีใครสามารถแบนคุณได้ หรือ ห้ามไม่ให้คุณส่งข้อความถึงบางบุคคลด้วยเหตุผลทางการเมิือง ไม่มีใครสามารถเซนเซอร์ หรือรายงานคุณได้ แม้ว่าข้อความของคุณจะมีถ้อยคำที่รุนแรง

นับตั้งแต่ API กำลังจะเปิดตัว นักพัฒนาคนไหนก็ตามสามารถที่จะใช้กลไกในการคัดกรองรูปแบบที่กำหนดเองตามความต้องการของผู้ใช้ ดังนั้นผู้ใช้จะสามารถเห็นข้อมูลที่พวกเขาสนมจเท่านั้น แทนที่จะเห็นโพสต์ต่างๆที่เลือกมาให้เห็นจากบริษัทโฆษณา ที่พยายามสร้างกำไรจากเรื่องเหล่านี้อย่างเต็มที่

พูดง่ายๆ ก็คือ คุณสามารถพูดได้ทุกเรื่องที่คุณต้องการ และ หากคุณไม่ชอบเรื่องที่คนอื่นพูด ก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ตัวกรองเพื่อกำจัดพวกเขาออกจากชีวิตดิจิทัลของคุณ

4.) คุณจะไม่ตกเป็นเหยื่อสุดคลาสสิกของบริษัทฯ แบบ “อ่อยเหยื่อแล้วค่อยเปลี่ยนเป้าหมาย”

จำได้ไหม..สมัยที่ Twitter เคยมี an open API?

ย้อนกลับไปช่วงหนึ่ง มีแอปพลิเคชันยอดนิยมมากมายที่ขึ้นอยู่กับ Twitter API (เช่น Meerkat เป็นต้น) จนกระทั่ง Twitter ตัดสินใจปิด API ของตนเอง และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่แพงขึ้นด้วยเหตุผลในการเพิ่มกำไรของตนให้สูงขึ้น

ในท้ายที่สุด Twitter ได้กำไร ส่วนผู้ใช้หลายล้านรายได้รับความเดือดร้อนโดยไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ

วิธี “อ่อยเหยื่อแล้วค่อยเปลี่ยนเป้าหมาย” เป็นวิธีที่แสนธรรมดาสามัญ จนเกิดสุสานที่นับไม่ถ้วนของ third-party แอปฯ ที่ต้องพึ่งพา centralized APIs

ถ้า Facebook รันระบบบน Blockchain และแอพของคุณสร้างบน public data เรื่องเหล่านี้ก็จะไม่ใช่ปัญหา — ข้อมูลจะไม่ได้ถูกครอบครองด้วยนิติบุคคลแต่เพียงผู้เดียว และมันอาจมีการติดตั้งแอ็พพลิเคชันของ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เป็นบุคคลที่สามมากมายซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเลือกวิธีโต้ตอบกับข้อมูลเหล่านั้น

รวมไปถึง…

บริษัทฯ ก็จะควบคุมระบบได้น้อยลง และ ได้กำไรน้อยลง — แต่ด้วยหนทางที่มีให้เลือกมากมาย โดยทางผู้ใช้ระบบสามารถ interact กับ Network ได้ บริษัทฯ ก็จะได้กำไรอย่างมหาศาลจากจุดนี้

แต่ถ้ามันอยู่ใน blockchain แล้วข้อมูลทั้งหมดของฉันจะไม่เป็นสาธารณเหรอ?

ขอตอบสั้นๆเลยนะครับ: ใช่ครับ

จำได้ไหมว่า: เทคโนโลยี Blockchain ที่คาดว่าจะออกมาช่วยแก้ทุกปัญหาเร็วๆนี้ นั้นถูกคาดการณ์ว่าจะเหมือน Henry Ford’s Model-T ที่คิดค้นการที่รถขับเคลื่อนตัวเองออกจากเกทเองได้

ข่าวดีก็คือ — คุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวเช่นนี้จะเป็นความจำเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้กับแอปฯ Blockchain

ขณะนี้มีการจัดตั้งทีมทำงานเกี่ยวกับการหาวิธีการควบคุมความเป็นส่วนตัวให้เข้มงวดขึ้น (ด้วยตัวอย่าง สิ่งที่เรียกว่า zk-SNARKs ) — ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้เวลาคิดค้นเท่านั้น

แต่สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนัก คือ…

เมื่อ Facebook รันบน Blockchain จากมุมมองของผู้ใช้งาน คุณก็แทบไม่สามารถบอกความแตกต่างจากของเดิมได้เลย

เริ่มรู้สึกประทับใจขึ้นมาหรือยังครับ?

ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม แต่ว่ามันมีประโยชน์มากมายอย่างน่าเหลือเชื่อ เป็นเรื่องที่บริษัทไหนก็ตามที่มีแพลตฟอร์มแบบ centralized ไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้

…และลองเดาซิครับ ว่า? เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องฝันลมๆแล้งๆ หรือคำทำนายจากลูกบอลคริสตัลแบบแม่หมอ

เพราะพวกเราที่บริษัท Loom Network ได้วางรากฐานที่สำคัญไว้แล้วเพื่อการ สร้างความสามารถในการสเกลเกมส์ที่ใหญ่ และ โซเชียล แอฟฯ อย่าง Facebook บน blockchain ของตัวเอง (ที่เรียกว่า DAppChains)

ไม่เพียงแต่เท่านั้น เรากำลังมีแผนการณ์ที่จะปล่อย SDK ออกสู่สาธารณะ โปรแกรมที่จะอนุญาติให้เหล่านักพัฒนา ได้ใช้และปล่อยแอพฯแบบ decentralized ใน Blockchain ที่ไม่สามารถถูกเซ็นเซอร์โดยหน่วยงานกลางใด ๆ

แม้มันจะเป็นเรื่องยากในการทำนายอนาคต แต่ทว่า…

พวกเราลองมาพิจารณาถึงเงินหลายล้านดอลลาร์ที่กำลังลงทุนเข้าสู่เทคโนโลยี Blockchain และความจริงที่ว่าหัวกระทิอีกมากมายใน Silicon Valley กำลังค่อยๆกระโดดเข้าสู่วงการนี้วันต่อวัน — เรื่องปฏิวัติเทคโนโลยีกำลังค่อยๆคลืบคลานเข้ามาแล้วนะครับ

และใช่นะครับ ยังคงมีพวกคนโง่ๆ และบุพการีของพวกเขาที่มัวแต่เมาน้ำลาย ว่าร้าย Blockchain ว่าแย่อย่างนั้น แย่อย่างนี้ แต่ทว่า ลองใช้เวลาไตร่ตรอง โดยปราศจากอคติใดๆดูนะครับ และมองโดยตามความเป็นจริงว่า มันมีเหตุผลที่สมควรในการนำโซเชียลเนตเวิรค์อย่าง Facebook มาไว้ใน blockchain ไหม

มันจะมีผู้คนที่คลางแคลงใจ และก็จะมีผู้คนบางจำพวกที่มองโลกในแง่บวก ผมสามารถบอกคุณได้เลยว่า ในภายภาคหน้าอีก 20 ปี ถ้าคุณเดิมพันฝั่งคนมองโลกในแง่บวกโดยทั่วไปแล้วคุณมีสิทธิ์ที่จะชนะพนันแน่นอน — Marc Andreessen, ผู้ก่อตั้ง Andreessen Horowitz

บางทีมันอาจเป็นปรากฏการณ์ฟองสบู่ Tulip — แต่บางทีมันก็อาจไม่ใช่เช่นเดียวกัน

โปรดจำไว้ว่าแม้ในช่วงที่เกิด dot-com bubble มันเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลยที่จะละเลยบริษัทอย่าง Amazon

มีนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่คิดว่าธุรกิจ Blockchain เป็นแค่เพียงปรากฎการณ์ชั่วครู่ — ความบ้าคลั่งแบบปรากฏการณ์ทางดิจิตัลแบบฟองสบู่ tulip ก็จะจบลง และไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องใดๆ ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

คุณรู้อะไรไม่ครับ?

เรื่องนี้อาจจะเป็นจริงก็ได้

แต่ผมขอเดิมพันว่าประวัติศาสตร์เหล่านั้นจะต้องถูกฉีกกระจุยกระจาย เพราะเหล่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่มองเรื่องนี้ผิดไปหมด

ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์อาจเป็นคนสุดท้ายก็ได้ ที่มองเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องแปลกใหม่ และมีเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อต้องเจอการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ นักวิเคราะห์ที่รู้เรื่องที่สุด ก็อาจเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็เป็นได้

— Richards Heuer, Central Intelligence Agency

คำถามจึงมีอยู่ว่า — เมื่อเรื่องที่ถูกกล่าวถึงนี้ ถูกทำให้สำเร็จขึ้นมา คุณจะเป็นหนึ่งในคนที่ยอมรับกับการเข้ามาของเทคโนโลยี Blockchain ได้หรือไม่?

…หรือคุณจะเป็นคนที่อยู่ใน คนหมู่มาก ที่ถูกทอดทิ้งไว้ให้อยู่เบื้องหลัง?

ผู้คนส่วนใหญ่ (ซึ่งไม่ถูกต้องเสมอไป) เชื่อว่าไม่มีอะไรก็ตามที่จะมาแทนที่คู่แข่งที่น่ากลัวอย่าง Facebook ได้

แต่ทว่า เทคโนโลยี Blockchain ถึงแม้ว่ามันเพิ่งอยู่ในขั้นเริ่มต้น แต่ถือว่าเป็นการปฏิวัติทางวงการกำลังเริ่มก่อตัวขึ้นมาแล้ว

และนับว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงแรก นับตั้งแต่ Facebook กลายเป็นที่นิยมแล้วผู้ใช้ส่วนใหญ่เริ่มไม่มีความสุขกับระบบ จนเริ่มมองหาตัวเลือกอื่นๆ

หากประวัติศาสตร์เป็นตัวบ่งชี้ที่ถูกต้องในเรื่องของอนาคตแล้วละก็ บริษัทอย่าง Kodak และ Blockbuster ก็เป็นกรณีศึกษา ที่บริษัทคลื่นลูกเก่าจะโดนบริษัทคลื่นลูกใหม่ถาโถมเข้าใส่จนไม่เหลือซาก — เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่จะอ้าแขนรับ Blockchain ที่อาจจะเป็นเหตุผลให้ Facebook ต้องล้มตายไปในที่สุด

Loom Network เป็นแพลตฟอร์มที่มีไว้สำหรับการสร้าง highly scalable DPoS sidechains เข้าสู่ Ethereum โดยที่มีจุดโฟกัสไปที่การเสกลเกมส์และโซเชียล แอพฯ ขนาดใหญ่

อยากรู้เรื่องราวไปมากกว่านี้? เริ่มอ่านจากที่นี่เลยครับ

คุณเป็นแฟนเกมส์ blockchainหรือเปล่าครับ ? ลองมาเช็ค Zombie Battleground เกมส์การ์ดแรกของโลกในระบบ PC & mobileที่รันระบบทั้งหมดบน blockchain

ถ้าคุณอ่านบทความนี้แล้วชื่นชอบ และอยากรู้ข่าวสารอัพเดทของเรา มาสมัครรับ private mailing list ของเราได้เลยครับ

ขอขอบคุณ คุณ James Martin Duffy

https://loomx.io

ติดตามข่าวสารและพูดคุยกับทีมงาน Loom Network เป็นภาษาไทยได้ทางนี้ค่ะ!
ห้องแช็ท Telegram
แฟนเพจ Facebook

--

--