Work Alone
คุณสมบัติหนึ่งของคงเก่งๆที่ผมเคยสัมผัสมาคือ พวกเค้าสามารถที่จะทำงานคนเดียวได้ (หลายคนชอบและขอเลือกที่จะทำงานคนเดียวด้วยซ้ำไป)
ไม่เกี่ยวกับอีโก้ ไม่ใช่การเข้าสังคมไม่ได้ คนละเรื่องกับการไม่มีทีมเวิร์ค … แต่เพราะ
- พวกเค้ารู้ว่าการทำงานคนเดียวจะช่วยให้เค้าผลิตผลงานที่ดีกว่าออกมา
- พวกเค้ารู้ว่าการทำงานคนเดียวคือช่องทางในการขยายขอบเขตความรู้และความสามารถ
- พวกเค้ารู้ว่าการทำงานคนเดียวคือการพัฒนาความมั่นใจและความรับผิดชอบได้เป็นอย่างดี
- พวกเค้ารู้ว่าการทำงานคนเดียวช่วยให้พวกเค้าเติบโตขึ้นได้อย่างมั่นคง
“ทำงานคนเดียว” แปลว่าอะไร?… นิยามของผมคือแนวทางนี้คือการที่ใครสักคนได้เวลาได้พื้นที่และได้อิสระในการจัดงานขนาดใหญ่ด้วยตัวเอง
- ขอเวลาสองสัปดาห์คิดแผนธุรกิจของบริษัทด้วยตัวคนเดียว
- ขอเวลาเงียบสงบสามวันเพื่อออกแบบระบบตั้งแต่ต้นจนจบด้วยตัวคนเดียว
- ขอเวลาสองวันเพื่อเขียนโปรโตไทป์ของระบบใหม่ด้วยตัวคนเดียว
- ขอเวลาหนึ่งวันเต็มเพื่อทดลองเขียนโค๊ดกับเทคโนโลยีใหม่ด้วยตัวคนเดียว
- ขอเวลาหนึ่งสัปดาห์ทำฟีเจอร์นี้ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว
- ขอเวลาอีกสองสัปดาห์ออกแบบและสร้างระบบบิ้วด์ขึ้นมาจากศูนย์ด้วยตัวคนเดียว
- ขอเวลาสามวันเพื่อทำสไลด์ที่จะใช้นำเสนอนักลงทุนรายใหญ่ด้วยตัวคนเดียว
กุญแจสำคัญดอกแรกคืองานต้องใหญ่ต้องมีความหมายต้องเห็นผลลัพธ์ในตัวเองกุญแจสำคัญดอกที่สองคือ “ด้วยตัวคนเดียว”
ผมมีความรู้สึกว่าหลายๆครั้งเราก็ให้น้ำหนักกับคำว่าการทำงานเป็นทีมมากเกินไป อะไรนิดก็ถามเพื่อน อะไรหน่อยก็เรียกประชุม ติดปัญหาก็หาคนมาช่วยแก้ อันนี้เธอคิดยังไง? อันนั้นเธอว่าดีมั้ย?
ทุกเรื่องกลายเป็นงานกลุ่มไปซะหมดซึ่งมันเป็นการตัดช่องทางที่เราจะได้ใช้ความคิดเชิงลึกเพื่อค้นหาและค้นพบความรู้บวกกับทางเลือกใหม่ๆ มันก็เป็นเรื่องยากที่เราจะพัฒนาความคิดและแนวทางที่เป็นอิสระ
แทนที่เราจะได้รับความรู้จากการทำงานชิ้นนี้เต็มๆ 100% กลายเป็นว่าเราต้องแบ่งเค้กก้อนนี้กับเพื่อนอีกสามคนที่มาช่วยงาน … จาก 100 เหลือ 25 เป็นแบบนี้บ่อยครั้งจนเราเริ่มสงสัยว่าความเชี่ยวชาญของตัวเองคืออะไร?
ทำไมฟีเจอร์ทีมถึงคล่องตัวกว่า ทำไมทีมขนาดเล็กถึงวิ่งได้เร็วกว่า ทำไมคนเก่งคือคนที่จัดการงานขนาดใหญ่ได้ดีกว่า … มันเริ่มจากสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ให้คุณค่ากับการฉายเดี่ยวในเวลาที่เหมาะสมนั่นเอง
ประชุมทีมครั้งหน้าให้ประกาศเลยว่า … “ฟีเจอร์นี้ผมขอทำเองคนเดียวครับ” :)
คิดและเขียนคือสิ่งที่ผมชอบ แบ่งปันคือสิ่งที่ผมรัก เพราะแบบนี้ทุกวันผมเขียนเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวจากชีวิตจริง จากประสบการณ์ จากแนวคิด จากอนาคตที่ดีผมมองเห็น และทุกอย่างที่ผมประยุกต์ใช้เพื่อสร้างให้อินเท็นติกเป็นบ้านที่น่าอยู่ บ้านที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่สร้างความแตกต่างในสังคมได้ — มันน่าภูมิใจที่ผมรู้ว่า … ไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียวที่อยากเห็นการพัฒนา :)
Inthentic On Facebook | Inthentic On Twitter | Inthentic On Instagram