[สปอย] Ao no Kanata no Four Rhythm รูทอาสึกะ (Part 2/3)

coregameHD
8 min readAug 19, 2018

--

หมายเหตุ: บทความนี้ผมไม่ใช่ผู้เขียน ผม copy มาจาก http://forum.tirkx.com/main/showthread.php?196740
ซึ่งเว็บถูกปิดมานานแล้ว

ผมไม่ได้บันทึกไว้ว่าใครเป็นคนเขียนบทความนี้ ถ้าใครเป็นผู้เขียนบทความนี้หรือรู้จักคนที่เขียนบทความนี้ รบกวนบอกหน่อยครับ ผมยินดีใส่เครดิตให้

มาซายะมาหยุดยืนที่หน้าบ้านอาสึกะ แล้วกดออดเรียกคนข้างใน เนื่องจากติดต่อคนที่อยู่ข้างในเอาไว้แล้ว

ข้างในจึงรู้ได้ทันทีว่าคนที่มาคือมาซายะ คนที่เปิดประตูให้มาซายะเข้าบ้านคือแม่ของอาสึกะ

มาซายะทักทายแม่อาสึกะ แล้วหลุดถามไปว่า อาสึ….. แต่ยังพูดไม่จบก็เปลี่ยนเป็นคุราชินะซัง ยังตื่นอยู่มั้ย?

แม่อาสึกะ เคียวกะซัง ก็บอกเรียกชื่อตามปกตินั่นแหละดีแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ทำเอามาซายะทำท่าอายๆ

เคียวกะซังพามาซายะไปหน้าห้องอาสึกะแล้วเคาะประตูห้อง อาสึกะเปิดประตู แต่พอเห็นมาซายะก็หน้าแดงกระแทกประตูปิด แล้วโวยแม่

บอกไม่ยอมบอกกันบ้างเลย เคียวกะซังบอกว่าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือไง? อาสึกะก็โวยอีก บอกไม่เห็นรู้เลยว่าวันนี้อะ

แต่พอเคียวกะซังบอกถ้าอาสึกะไม่พร้อมจะให้มาซายะกลับไปก่อนก็ได้นะ อาสึกะก็รีบห้ามบอกอย่าพึ่ง แล้วก็ได้ยินเสียงโครมครามในห้อง

อาสึกะกำลังทำความสะอาดนั่นเอง แล้วจึงให้มาซายะเข้ามา มาซายะที่เข้าไปในห้องก็เจออาสึกะนอนบนเตียง

อาสึกะหน้าแดงแล้วบอกอย่าดูมากนะเธออาย แต่มาซายะเริ่มพิจารณาแล้วนึกในใจว่าอาสึกะนี่ไม่ระวังตัวเลยนะ แถมใหญ่อีกแหนะ

เพราะบรรยากาศการคุยไม่ไปไหน มาซายะจึงถามเรื่องทั่วๆไปอย่างชอบตุ๊กตาปลาบินบ้างล่ะ กลับมาบ้านทำอะไรบ้างล่ะ หรืองานอดิเรกทำอะไร

มาซายาก็คิดในใจว่าพลาดโคตร ถามอะไรลาวชิบหาย แต่อาสึกะก็ตอบทุกอย่างแล้วก็ยิ้มให้ ทำเอามาซายะรู้สึกขอบคุณอยู่ลึกๆ

เพื่อให้บทสนทนาเดินต่อ มาซายะก็เริ่มขอโทษอะสึกะ ที่ไม่ยอมดูให้ดีจนต้องล้มไป อาสึกะก็บอกความผิดเธอต่างหากที่ไม่รู้สภาพตัวเอง

โทษกันไปโทษกันมา สุดท้ายก็หัวเราะออกมาทั้งคู่ อาสึกะบอกอาการดีขึ้นมากแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเรียนได้ตามปกติ

จากนั้นเพื่อให้มาซายะได้รู้ที่ถามเกี่ยวกับตัวเธอ ก็เลยลุกไปหยิบอัลบั้มให้มาซายะดู

ตรงนั้นคือรูปของอาสึกะสมัยเด็กๆ

อาสึกะ : เด็กคนนี้น่ะเป็นเด็กขี้อายที่แค่ออกไปข้างนอกก็ยังทำไม่ได้ แต่แล้ววันนึงก็ได้พานพบคนๆนึงที่ลากเธอออกไปข้างนอกค่ะ
มาซายะ : เด็กคนนั้นคือเด็กผู้หญิงที่พูดถึงก่อนหน้านี้สินะ
อาสึกะ : ค่ะ ใช่แล้ว
อาสึกะ : เพราะได้เล่นอย่างสนิทสนมกับเด็กคนนั้น ฉันก็เปลี่ยนตัวเองไปมากเลยค่ะ

ผมพลิกหน้าอัลบั้มไปอีกหน้านึง

มาซายะ : ……….เอ๊ะ?

ที่ตรงนั้น ถึงหน้าตากับทรงผมจะเหมือนกันก็เถอะ แต่บรรยากาศรอบๆต่างกับคนเมื่อกี้ลิบลับเลย
เปลี่ยนจากชุดวันพีซที่ขยับง่ายๆ เป็นมินิสเกิร์ตกับเสื้อยืด ทำท่าน่ารัก มืออีกข้างถือด้วงกว่างอยู่

มาซายะ : ฝาแฝดเหรอเนี่ย?
อาสึกะ : น่าขำเหมือนกันนะคะ พอได้ดูแล้ว

อาสึกะยิ้มแห้งๆออกมา

อาสึกะ : แน่นอน ว่าทั้งคู่คือฉันเองค่ะ

ระหว่างดู อาสึกะก็พูดออกมา

อาสึกะ : ด้วยเหตุนี้ ชีวิตฉันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น จึงเป็นฉันแบบนี้ค่ะ
มาซายะ : นั่นสินะ

ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ขนาดนี้ คงจะเป็นอีเว้นใหญ่แม่ผิดแน่
นั่นคงมากพอจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ล่ะนะ

อาสึกะ : — — เพราะสัญญาเอาไว้ค่ะ
มาซายะ : สัญญา….?

อาสึกะพยักหน้า

อาสึกะ : เป็นสัญญากับเด็กคนนั้นเมื่อฉันกลับมาค่ะ
อาสึกะ : ว่าจะมองไปแต่ข้างหน้า พยายามต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็ร่าเริงอยู่เสมอ
อาสึกะ : ถึงตอนที่ได้พบกับเด็กคนนั้นอีกครั้ง จะได้ไม่ทำให้ผิดหวังอีก

อาสึกะยิ้มแล้วจึงหัวเราะออกมา

อาสึกะ : เพราะงั้นจะไม่มองกลับไปข้างหลังอีก ตัดสินใจอะไรไปครั้งนึงแล้วจะไม่ยอมหยุดเด็ดขาดค่ะ
มาซายะ : งั้นเหรอ

ผมเอง สมัยตอนเป็นเด็กก็เคยทำสัญญาเอาไว้แบบนั้นเหมือนกัน
แต่ว่าตอนนี้ผมก็ทำตามสัญญาไม่ได้ กราชูที่เก็บอยู่ในตู้ก็ยังคงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
ยิ่งสาบานอย่างแรงกล้าเท่าไหร่ แต่พอเวลาผ่านไปก็ค่อยๆเลือนลางไปหมด
ทั้งอย่างนั้น ทำไมอาสึกะถึงยังยึดมั้นได้ขนาดนั้นนะ
ทำไมถึงเก็บความคิดอันแรงกล้านั้นไว้แล้วเดินต่อไปเรื่อยมาได้กันนะ

มาซายะ : อาสึกะน่ะ เคยมีตอนที่รู้สึกหมดแรงไร้กำลังใจบ้างมั้ย?
อาสึกะ : เอ๊ะ?
มาซายะ : ถ้าพูดถึง FC ก็อย่างตอนที่แพ้ หรือบินไม่ได้อย่างที่คิดตอนฝึก แล้วก็พอยิ่งอยู่กับมันก็ยิ่งหมดแรงจะเดินต่อเรื่อยๆ
มาซายะ : ถึงตอนนั้นไม่กลุ้มใจ จิตตกอะไรบ้างเลยเหรอ?

แต่ว่าเท่าที่ผมดูอาสึกะมาตลอด ผมก็ไม่เคยเจออาสึกะที่เป็นแบบนั้นเลยซักครั้ง
หรือว่าอาสึกะที่เป็นแบบนั้นจะรู้สึกได้ต่างจากที่คนอื่นรู้สึกก็ได้
ตรงนั้นแหละ อาจจะเป็นส่วนที่เธอถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาดก็ได้

อาสึกะ : หรือว่ามาซายะซังน่ะ…

อาสึกะทำหน้าไม่พอใจแล้วจ้องตรงมาที่ผม

อาสึกะ : คงไม่ได้คิดว่าฉันเป็นมนุษย์สมบูรณ์แบบอะไรเทือกนั้นอยู่หรอกใช่มั้ยคะ?
มาซายะ : อุ……

พอโดนดักได้ก็เลยเผลอหลุดปากไป
อาสึกะที่ท่าทางจะรู้แล้วว่าผมรู้สึกยังไงก็เริ่มพูดต่อ

อาสึกะ : ตัวฉันนะจริงๆแล้วเป็นพวกไม่ได้เรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ซักอย่างค่ะ
มาซายะ : เป็นอย่างนั้นแน่เหรอ?
อาสึกะ : ค่ะ กีฬาก็ไม่ได้เรื่อง หัวก็ไม่ดี นิสัยก็แปลกคน เรื่องที่คิดก็เก็บเงียบ

ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นแบบนั้น
อาสึกะทำอะไรก็เก่งอย่างไว ตอนสอบคะแนนก็พอใช้ได้ แถมความสามารถที่มีนั่นอีก
แต่นั่นคงเป็นความคิดที่คนนอกตัดสินเองสินะ

อาสึกะ : ทั้งที่ไม่ได้เรื่องไปหมด แต่ก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งที่เหมือนจะเป็นความสามารถซึ่งได้รับมา
มาซายะ : จากการที่สัญญากับเด็กคนนั้นสินะ
อาสึกะ : ค่ะ
อาสึกะ : มุ่งไปข้างหน้าอยู่เสมอ พยายามต่อไปเรื่อยๆ ร่าเริงตลอดเวลา แล้วก็เดินหน้าในสิ่งที่ชอบต่อๆไป
อาสึกะ : เพราะเดินหน้าต่อๆไปนั่นแหละ ฉันถึงได้เข้าใจว่าคงพอจะทำอะไรได้บ้างกับความไร้สามารถนั่น
อาสึกะ : เพราะงั้น ฉันจึงได้ตัดสินใจ ว่าฉันจะไม่ยอมแพ้ให้กับอะไรอีกค่ะ
มาซายะ : ………..

สุดยอดไปเลยน้า นั่นคือที่ผมคิด
พูดน่ะมันง่าย แต่พยายามต่อไปเรื่อยๆน่ะมันไม่ได้ทำได้ง่ายๆ
ถึงแม้อาสึกะจะรู้ดีว่าตัวเองยังอยู่ที่จุดเริ่มต้น แต่การปีนป่ายมาได้เรื่อยๆจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ปกติจะทำได้หรอก
ยึดมั่นสิ่งที่ตัวมีเพียงหนึ่งเดียวแล้วเดินต่อไป คงเป็นอย่างที่เจ้าตัวพูด ว่านั่นคือความสามารถของเธอล่ะมั้ง

อาสึกะ : อะ แต่ว่า………

อาสึกะทำท่าอายนิดหน่อยก่อนจะเริ่มพูดต่อ

อาสึกะ : ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ตอนที่ท้อแท้ก็มีบ้างบางครั้งค่ะ
มาซายะ : …..แต่ด้านนั้นก็ไม่เคยให้ใครเห็นเลยใช่มั้ยล่ะ ไม่เคยเห็นเลย
อาสึกะ : ก็ใช่ ถึงจะไม่เคยให้ใครเห็น แต่ความท้อแท้น่ะมีค่ะ

อาสึกะเองก็คงมีเรื่องหนักใจที่ไม่ให้คนอื่นเห็นอยู่แน่
คำพูดนั้นคงไม่ได้พูดลอยๆล่ะมั้ง
ก็หมายความว่า

มาซายะ : ใน FC ก็มีด้วยเหรอ?

พูดตามตรง ค่อนข้างกลัวเหมือนกันที่ถามแบบนั้น
แต่ถ้าไม่ถามออกไปก็คงเข้าใจอาสึกะไม่ได้

อาสึกะ : นั่นสินะคะ

อาสึกะทำท่าพูดลำบาก แต่ก็พูดออกมาตามตรง

อาสึกะ : ทั้งขมขื่น ทั้งรุนแรง ไม่เอาแล้ว ไม่อยากเห็นท้องฟ้าแล้ว ความคิดนั้นถึงจะไม่มาก แต่ก็มีบ้างค่ะ

ได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกๆ
อาสึกะที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็บินไปบนฟ้าอย่างสนุกสนาน
เด็กที่ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้นได้ ไม่น่าเชื่อว่าอาสึกะที่มุ่งไปบนท้องฟ้าเรื่อยมากลับมีคิดแบบนั้นบ้าง
ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินเธอพูดจากปากตัวเองว่าไม่อยากเห็นท้องฟ้าเนี่ย
ตกใจมาก และเจ็บปวดเหลือเกิน

อาสึกะ : ถึงอย่างนั้น พอถึงตอนที่รู้สึกขมขื่น ก็ได้สิ่งนี้ที่รับมาคอยช่วยไว้ค่ะ

อาสึกะว่างมือไว้บนที่ติดผมซึ่งเธอติดอยู่เป็นประจำ
ที่ติดผมทำจากพลาสติกรูปปีก
นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแปลก แถมยังดูราคาบ้านๆอีกด้วย

อาสึกะ : นี่คือของที่ได้รับมาจากเด็กผู้หญิงคนนั้นค่ะ
มาซายะ : อา เป็นอย่างนั้นเองเหรอ

ถึงได้ว่า ทำไมถึงติดมันไว้ตลอดเวลา

อาสึกะ : ถ้ารู้สึกไปคนเดียวต่อไม่ไหว แล้วไม่รู้จะทำยังไงล่ะก็ ถ้ากุมไอนี่ไว้แล้วอธิษฐานล่ะก็ จะไปช่วยเอง ถูกบอกมาแบบนั้นค่ะ
มาซายะ : นั่นเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นคนพูดเหรอ
อาสึกะ : ค่ะ ถึงจะยังไม่เคยอธิษฐานเลยก็เถอะ แต่บางที่พอได้จับก็นึกขึ้นมาได้ค่ะ
อาสึกะ : แถมสุดท้ายก็ไม่ได้ถามชื่อเด็กคนนั้นอีก
มาซายะ : งั้นเหรอ ไม่ได้ถามชื่อสินะ

จะว่าไปอาสึกะก็ไม่ได้พูดชื่อของเด็กคนนั้นออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เพราะไม่มีอย่างอื่นที่เป็นสิ่งเชื่อมต่อกันกับเด็กคนนั้น ที่ติดผมอันนี้คงเป็นสิ่งสำคัญมากแน่นอนล่ะนะ

[ถ้าไม่รู้จะทำยังไงล่ะก็ จะไปช่วยเอง]

จริงก็ไม่ได้คิดจะไปช่วยจริงๆหรอก แต่เพราะมันน่าจะช่วยประคองสภาพจิตใจของเด็กคนนั้นได้ต่างหาก

มาซายะ : เหมือนเครื่องรางสินะ ที่ติดผมนั่นน่ะ
อาสึกะ : ค่ะ

อาสึกะพยักหน้าทันที

มาซายะ : ติดมาตั้งแต่เด็ก เธอในตอนนั้นคงเห็นว่าสำคัญมากเลยสินะ
อาสึกะ : นั่นสินะคะ
มาซายะ : อา เด็กที่ให้อาสึกะคงเข้าใจแล้วล่ะ ว่าอาสึกะเก็บรักษาไว้อย่างดีน่ะ

ผมเองก็พอเข้าใจ

อาสึกะ : มาซายะซังเองก็เคยมีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอคะ?
มาซายะ : อืม นึกไม่ค่อยออกหรอก แต่คิดว่าเคยมีนะ

มีอย่างนึงแน่นอนล่ะ ถึงจะยังฟันไม่ได้ก็เถอะ
แต่ว่าสิ่งนั้น มันยังคงถูกปิดตายอยู่ในตู้เก็บนั่นอยู่

มาซายะ : เหตุผลที่อาสึกะแข็งแกร่งขึ้นน่ะ เข้าใจแล้วล่ะ
อาสึกะ : ค่อนข้างผิดหวังอยู่รึเปล่าคะ ที่ฉันจริงๆแล้วมันไม่ได้เรื่องแบบนี้แหละ
มาซายะ : ไม่หรอก สบายใจขึ้นเยอะเลย ที่จะได้ชื่นชมอาสึกะจากใจแบบนี้
อาสึกะ : เอ๊ะ…?
อาสึกะ : อ อะไรกัน ตัวฉันน่ะไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ไม่เลย

อาสึกะโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นการใหญ่
แต่ผมก็รู้เข้าให้แล้ว
อาสึกะไม่ใช่สัตว์ประหลาดซะหน่อย
ไม่ต้องสงสัยเลย เธอยังเป็น “มนุษย์” ที่ยังมีความอ่อนแออยู่กับตัวแน่นอน

กลับมาที่ห้องมาซายะ มาซายะนึกถึงเรื่องของอาสึกะ และเรื่องตัวเองสมัยก่อน

สมัยก่อนมาซายะมีฟิกเกอร์หุ่นยนต์จากอนิเมะที่ติดงอมแงมตอนเด็ก เมื่อก่อนก็หิ้วไปไหนมาไหนเรื่อย

แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็หายไปไหนไม่รู้ มาซายะพักเรื่องนั้นไว้แล้วนึกถึงกราชูที่เก็บไว้ในตู้

ทั้งที่เอาออกมาดูหลายครั้งแล้วแต่ก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ มาซายะคิดว่าพรุ่งนี้ลองไปคุยกับอาสึกะดีกว่า

วันต่อมา มาซายะมาที่ห้าง ก็โดนยัยคุณหนูซาโต้สวดซะเละว่าคิดแต่แผนไม่ยอมดูให้ดี ถึงได้เกิดเรื่องใหญ่

แล้วก็ร่ายยาวจนชินโดกับริกะมาช่วยลากกันออกไป ความสงบจึงได้กลับมาหามาซายะอีกครั้ง

แต่แก๊งชมรม FC ก็มาด้วยเหมือนกัน มาซายะบอกเข้าใจแล้วว่าการซ้อมหนักๆติดกันมันไม่ดี เพราะงั้นวันนี้ทั้งวันให้เที่ยวเล่นให้เต็มที่เลย

มิซากิกับมาชิโระเลยและมาโดกะก็แยกตัวไป ส่วนประธานที่ไม่อ่านบรรยากาศก็โดนชินโดลากไป ทำให้มาซายะอยู่กับอาสึกะสองคน

มาซายะถามอาสึกะว่าจะไปไหน อาสึกะบอกเดินไปรอบๆแล้วกัน แล้วจึงออกเดินเที่ยวกันสองคน(นี่มันเดทสินะ สินะ เริ่มร้อนที่ตาอีกละ!!)

แก๊งสาวๆกับแก๊งชินโดที่คอยมองส่งห่างๆก็เริ่มปรึกษากันว่าเอาไงดี สุดท้ายความเห็นกลายเป็นตามสโตกพวกอาสึกะจนได้

หลังจากเดินไปรอบๆอาสึกะก็เลือกร้านลองเสื้อที่อยู่บนชั้น2ของห้าง

อาสึกะลองชุดๆนึงแล้วโชว์ให้มาซายะดู มาซายะถึงกับอึ้งพูดอะไรไม่ออกเพราะกำลังสำลักโมเอะตาย

แต่ก็ตอบไปว่าเหมาะดีนะ อาสึกะที่โดนชมก็หน้าแดงขึ้น อาสึกะหมุนไปรอบๆเพื่อดูท่าทาง

ระหว่างหมุนไปมาหน้าอกอาสึกะก็กะเพื่อม ทำเอามาซายะต้องต่อสู้กับตัวเองสุดชีวิต

ทางแก๊งสโตกก็วี๊ดว้ายกันสุดตัวส่วนชินโดก็เอาแต่ส่องมาซายะด้วยหน้าจริงจัง ทำเอายัยคุณหนูบอกสยองอะ

ทางริกะที่พยายามจะห้ามทัพแต่เหมือนจะไม่ไหวแล้วก็ได้แต่ปลง

กลับไปทางมาซายะ มาซายะซื้อคาราอาเกะกินกับอาสึกะ แล้วก็เริ่มพูดถึงความอร่อยของมัน บรรยากาศการสนทนาก็เป็นไปอย่างเรื่อยๆ

ทางแก๊งสโตกที่ส่องอยู่ก็คุยกันว่ามันอะไร ไอบทสนทนาบ้านๆนั่นน่ะ

แต่แล้วจู่ๆริกะก็เกิดของขึ้นๆมา บอกทนไม่ไหวแล้ว ขอซิ่งไปซื้อคาราอาเกะมากินได้มั้ยคะ เธอสุดทนแล้ว

ทั้งแก๊งเลยไปซื้อคาราอาเกะกิน ส่วนชินโดขอกลับเพราะไม่มีอะไรแล้ว

กลับมาทางมาซายะ มาซายะพาอาสึกะขึ้นไปบนดาดฟ้าของห้าง

ที่ดาดฟ้าของห้างเป็นจุดที่มุมสูงที่สุดของเกาะ เพราะงั้นจึงเห็นทุกหมู่เกาะได้จากมุมนี้

หลังจากชมความสวยของทิวทัศน์รอบๆแล้ว มาซายะก็บอกว่าตัวเองน่ะเคยหันหลังให้ท้องฟ้าไปแล้ว

เพราะงั้นเลยไม่อยากให้อาสึกะเป็นแบบนั้น อยากให้อาสึกะรักที่จะบินไปบนท้องฟ้า จึงได้พาขึ้นมาดูที่นี่

มาซายะพูดคำขวัญออกมาประโยคนึง “มองไปบนท้องฟ้าสิ จ้องมองท้องฟ้าต่อๆไป คำตอบที่อยากได้มีอยู่ที่ตรงนั้น”

มาซายะอธิบายว่าเป็นคำขวัญประจำใจตอนที่ตัวเองยังเป็นผู้เล่นอยู่ เป็นคำที่อาโออิมอบให้โดยเขียนใส่กราชูของมาซายะไว้

มาซายะพูดต่อว่าตอนที่ทุกใจ หรือตอนที่ไม่รู้จะทำยังไงดี ก็ให้มองขึ้นไปบนฟ้า มองไปเรื่อยๆ ถ้าทำแบบนั้นแล้วก็จะรู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป

อาสึกะที่ได้ฟังคำพูดนั้นก็คิดว่าเป็นคำพูดที่ดีนะ อาสึกะบอกต่อไปนี้ตอนเศร้าจะไม่ก้มหน้าอีกแล้ว เพราะงั้นเธอจะมองท้องฟ้าด้วยเหมือนกัน

หลังจากลงมาจากดาดฟ้า อาสึกะก็ได้เมลล์จากมิซากิว่าทั้งแก๊งกลับไปหมดแล้ว มาซายะที่นึกขึ้นได้ว่าพึ่งกลับ แสดงว่าเมื่อกี้ตามอยู่ล่ะสิ

มาซายะได้แต่เก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ มาซายะก็ชวนกลับ อาสึกะบอกงั้นใช้ทางอ้อมหน่อยแล้วกัน จากนั้นจึงออกจากห้างมาด้วยกัน

อาสึกะบินเลียดผิวน้ำกับมาซายะที่อยู่ใกล้ๆก็คอยดูฝูงปลาบินที่กำลังแหวกว่ายอยู่ ระหว่างที่มาซายะกำลังคิดถึงเรื่องอาสึกะอยู่เต็มหัว

อาสึกะก็ตะโกนเรียกมาซายะบอก “ชอบที่สุดเลยค่าาาาา!!” มาซายะได้แต่พะงาบๆพูดอะไรไม่ออก

อาสึกะเลยพูดต่อว่า “ได้บินไปบนฟ้าเนี่ย……..ชอบที่สุดเลยค่าาาาาา!!” มาซายะก็ถึงบางอ้อทันที

อาสึกะบอกจะเก็บคำพูดนั้นที่มาซายะมอบให้บนดาดฟ้าไว้ในใจ

วันต่อมา อาสึกะที่แข็งแรงเต็มร้อยก็กลับมาฝึกกับชินโดเหมือนเดิม

มาโดกะเข้ามาหามาซายะที่อยู่ริมหาด บอกอาจารย์ให้ไปที่ร้านของชิราเสะ มาซายะเลยรีบมาทันที

ที่ร้านชิราเสะ ชิราเสะอยู่กับอาจารย์ ชิราเสะเริ่มเล่าให้ฟังว่าการแข่งทั่วประเทศนั้น แชมป์เป็นของซากิ แถมชนะไม่มีใครสู้ได้เลย

จารย์บอกแชมป์มันไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือวิธีชนะต่างหาก แล้วเอาไฟล์วิดีโอการแข่งให้มาซายะดู

มาซายะก็ดีใจที่จะได้ข้อมูลของซากิเพิ่มนอกจากที่มาโดกะมี แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง

ในคลิปเป็นการแข่งของซากิกับผู้เล่นที่ค่อนข้างมีอันดับของการแข่ง ในการแข่งอินูอิไม่ได้แตะทุ่นแรกแล้วใช้ birdcage

แต่พุ่งไปแตะทุ่น1 แล้วก็ดิ่งตรงไปแตะทุ่น2 แล้วก็แตะทุ่น3ตามลำดับ เป็นวิธีการเล่นของพวก Speeder แบบปกติ ไม่มีอะไรแปลกใหม่

มาซายะก็เข้าใจได้ทันที ว่าซากิก็เลือกคู่แข่งที่คิดจะใช้ท่านี้เหมือนกัน ชิราเสะบอกเสียใจทั้งที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับพวกอาสึกะแท้ๆ

แต่มาซายะถึงจะไม่ได้ข้อมูลเพิ่มแต่ก็ไม่ได้จิตตกอะไรเลย กลับแสยะยิ้มราวกับกำลังนึกสนุกอยู่

หลังมาซายะออกมาจากร้านชิราเสะก็คิดหาข้อมูลของซากิ แต่ในเน็ตก็ไม่มี พวกหนังสืออะไรก็ไม่มีข้อมูลขนาดนั้น

มาซายะคิดนิดหน่อยก่อนจะปิ้งขึ้นมา

ยามคำคืนในป่า มาซายะอยู่กับโฮซากะกำลังเถียงกันเรื่องหาทางเดินไปเรื่อยๆอยู่ อาสึกะที่ตามมาก็บอกน่าๆ ใจร่มๆ

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ระหว่างที่มาซายะกำลังคิดว่าจะทำยังไงเรื่องให้ได้ข้อมูลดี ก็เจอโฮซากะเข้า

โฮซากะบอกมีวิธีแจ่มๆอยู่ให้ตามเธอมา

กลับมาที่ปัจจุบัน มาซายะก็ว่าโฮซากะว่าจะพาอาสึกะมาด้วยทำไม มันอันตราย แต่อาสึกะก็บอกเธอเองก็อยากมาด้วย มาซายะเลยได้แต่ทำใจ

โฮซากะบอกทางต่อไปจนออกมาอยู่ริมป่าได้ ถูกแล้ว แผนที่จะได้ข้อมูลที่ว่ามาคือการบุกตึกชมรม FC ของไคเรียวนั่นเอง

โฮซากะบอกให้เงียบๆ แล้วทั้งทีมก็ชะเง้อหน้าเข้าไปทางหน้าต่างของตึกที่เป็นเป้าหมาย

แต่พอส่องเข้าไปอาสึกะกับมาซายะก็กลืนน้ำลาย เพราะสิ่งที่ซากิกำลังฝึกอยู่ คือการฝึกรุม3–1แบบเดียวกับที่อาสึกะฝึก

แถมคู่ต่อสู้ก็เก่งมาก คนนึงเป็นผู้เล่นมีชื่อของฟินแลนด์ คนนึงก็แชมป์อังกฤษ ส่วนอีกคนอันดับ2ในการแข่งภูมิภาคยุโรป

หลังจากดูเสร็จแล้ว โฮซากะก็ได้แต่ถอนหายใจว่าแบบนี้แย่แน่ แต่มาซายะกลับยิ้มแล้วบอกน่าสนุกดีนี่

ทางอาสึกะก็เออออห่อหมกด้วยแล้วก็ยิ้มออกมา

ขากลับก่อนจะแยกย้าน โฮซากะก็ให้เมมการ์ดมาอันนึง บอกข้างในมีข้อมูลข่าวหลายๆแบบของซากิอยู่ เธอบอกช่วยได้แค่นี้แหละ

จากนั้นโฮซากะบอกอยากจะเห็นอาสึกะจัดการซากิให้ได้ แล้วจึงเผ่นแนบไปทันที มาซายะก็ได้แต่ขอบคุณไล่หลังไปทั้งอย่างนั้น

ที่มุมมองอิริน่า มีชายชุดดำเข้ามารายงานว่าได้สังเกตุการณ์ผู้บุกรุกแล้วรู้แล้วว่าใครบ้าง อิริน่าที่ได้ฟังก็ไม่ได้ใส่ใจมาก

ชายชุดดำบอกจะให้รายงั้นไปทางโรงเรียนของพวกมาซายะมั้ย แต่อิริน่าบอกไม่ต้อง ให้ดูไปนั่นแหละดีแล้ว จะได้รู้สึกสิ้นหวังกันมากกว่านี้

แต่ชายชุดดำก็รายงานต่อว่าพวกมาซายะเหมือนจะไม่ได้รู้สึกตกใจหรือเสียขวัญเลยแม้แต่น้อย อิริน่ายิ้มขอบคุณแล้วให้ชายชุดดำออกไป

จากนั้นจึงพึมพำกับตัวเองว่าได้เวลาที่เราจะคุยกันแล้วล่ะมั้ง ฮินาตะ มาซายะ

วันต่อมา

อาสึกะยังคงฝึกกับชินโดอยู่ แต่คราวนี้อาสึกะเริ่มเล่นงานชินโดได้บ้างแล้ว

ริมหาด มาซายะคุยกับพวกมิซากิ ริกะก็อยู่ด้วย ว่าอาสึกะเก่งขึ้นมากเลยนะ ดูตามไม่ทันเลย

ระหว่างนั้นก็มีโทรศัพท์เข้ามือถือมาโดกะ มาโดกะบอกอาจารย์โทรมา ให้เรียกมาซายะไปที่โรงเรียน มีแขกมาหา

มาซายะหลังจากได้ยินชื่อแขกที่มาก็ก็รีบกลับไปที่โรงเรียนทันที

ที่โรงเรียนในสวน แขกที่มารอมาซายะคืออิริน่านั่นเอง อิริน่ากล่าวขอโทษมาซายะที่แรงไปหน่อยวันที่แข่งกับอาสึกะ แล้วก้มหัวลง

มาซายะบอกไม่ติดใจอะไร ไม่ต้องใส่ใจก็ได้ อิริน่าได้ยินอย่างนั้นจึงเปลี่ยนเรื่อง ว่าเป้าหมายวันนี้คือตัวมาซายะ

มาที่มุมมองของมาโดกะ มาโดกะมาหาอาจารย์ที่ห้องพักครู มาโดกะบอกตอนนี้ให้อาสึกะหยุดรอคุยกันเสร็จก่อน

แล้วก็ต่อว่าอาจารย์ว่ารู้อยู่แล้วนี่ว่าทางนั้นจะเล่นอะไร ทำไมถึงให้มาซายะไปคุยอีก

จารย์บอกเป็นผู้ต้องสงสัยบุกรุกโรงเรียน เพราะอิริน่าขู่ไว้ ทำให้ทางอาจารย์มีแต่ต้องตกลงเท่านั้น เพื่อไม่ให้เรื่องแดงออกไป

มาโดกะได้แต่ตกใจ แต่ก็จนคำพูดเหมือนกัน อาจารย์เล่าต่อไปว่าจุดมุ่งหมายของอิริน่าคือมาซายะ และมาเพื่อเปิดแผลเก่ามาซายะแน่

มาโดกะทำท่าเป็นห่วงขึ้นมา แต่าจารย์บอกตอนนี้มาซายะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว มีทั้งพวกพ้อง แล้วก็มีอาสึกะ ต้องผ่านไปได้แน่

กลับมาที่มุมมองมาซายะ อิริน่าก็ถามขึ้น

อิริน่า : ช่วยตอบคำถามมาด้วยค่ะ ฮินาตะซัง
มาซายะ : เชิญเลยครับ
อิริน่า : ไม่คิดว่าจริงๆแล้วคุราชินะ อาสึกะซัง ไม่สมควรเป็นผู้ที่จะเผชิญหน้ากับอินูอิ ซากิบ้างเหรอคะ?
มาซายะ : ป่านี้แล้ว คิดจะพูดอะไรกัน

อิริน่ากำลังจะบอกว่าฝั่งเราไม่คู่ควรอย่างนั้นเหรอ

มาซายะ : จะบอกว่าอาสึกะไม่แข็งแกร่งพอเหรอ?
อิริน่า : ไม่ค่ะ มิกล้า อาสึกะซังแข็งแกร่งมากค่ะ
มาซายะ : ถ้างั้นแล้ว
อิริน่า : คิดจะหนีแบบนั้นต่อไปอีกนานแค่ไหนกันคะ?

อยู่ๆอิริน่าก็พูดเสียงโทนต่ำน่ากลัวออกมา
ด้วยท่าทางราวกับมีใบมีดที่มองไม่เห็นกำลังทิ่มแทงผม

มาซายะ : ………เอ๊ะ
อิริน่า : คิดจะหนีแบบนั้นต่อไปอีกนานแค่ไหนกันคะ อดีตตัวแทนญี่ปุ่นรุ่นจูเนียร์ ฮินาตะ มาซายะซัง

อยู่ๆก็เจ็บแปล๊บขึ้นมา ไม่มีกระทั้งเสียงจะตอบกลับไป

มาซายะ : พูด…….อะ…..?
อิริน่า : ฉันก็พูดไปก่อนหน้าแล้วนิ ว่ารู้จักฮินาตะซังน่ะ

ตอนการแข่งฤดูร้อน จำได้ว่าเคยได้ยินอยู่
ไม่ว่าจะฮินาตะซัง หรือผู้เล่นที่ฮินาตะซังปั้นมา
แต่นั่นดันคิดว่าเป็นการพูดตามมารยาท ไม่ได้คิดว่าจะรู้จริงแท้ๆ

อิริน่า : เพราะงั้น ตอนที่จบแข่งฤดูร้อน เลยคิดว่าจะให้ซากิแข่งกับฮินาตะซังอยู่เลยค่ะ
มาซายะ : …………
อิริน่า : แต่ก็น่าเสียดายนะคะที่โดนอาจารย์คางามิห้ามไว้

งี้นี่เอง ที่อาจารย์พูดไว้ก่อนหน้านั้น

อิริน่า : ฮินาตะซังเป็นคนที่มีชื่อของโลกมากค่ะ ถูกบอกว่าเป็นเด็กที่จะเปลี่ยนวงการ FC ฉันเลยสนใจสืบเรื่องของคุณค่ะ
อิริน่า : แต่ทั้งอย่างนั้น พอฉันพร้อมที่จะสู้แล้ว คุณกลับไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
มาซายะ : เธอ ต้องการจะพูดอะไรกัน

ผมตอบกลับไปด้วยเสียงที่แหบแห้ง

อิริน่า : อีกกี่ครั้งก็จะถามค่ะ ฮินาตะมาซายะซัง คิดจะหนีแบบนั้นต่อไปอีกนานแค่ไหนกันคะ?
มาซายะ : พูดอะไรกัน ฉันไม่ได้หนีซัก
อิริน่า : ทั้งที่บินได้อยู่เนี่ยนะ? มีปีกอยู่กับตัวแท้ๆ แล้วยังจะเก็บมันไว้เนี่ยนะ?
มาซายะ : …………….
อิริน่า : ทั้งที่ปราถนาว่าจะแข็งแกร่งอย่างแรงกล้าขนาดนั้นเนี่ยนะ ทั้งที่อิจฉาคนที่นำหน้าตัวเองเนี่ยนะ ปรารถนาที่จะไปให้สูงกว่านี้ คุณที่เป็นแบบนั้นเนี่ยนะ?
อิริน่า : เอาแต่หลบซ่อนเรื่อยมา ใช้ประโยชน์ในฐานะโค้ช แล้วให้สมาชิกชมรมออกไปสู้เนี่ยนะ คิดอย่างอื่นไม่ออกเลยค่ะนอกจากกำลังหนีอยู่
มาซายะ : ว่าไงนะ……..!
อิริน่า : จี้ใจดำสินะคะ พอได้ยินแล้วเริ่มจะมีอารมณ์บ้างรึยังคะ?
มาซายะ : ผ ผิดแล้ว!!
อิริน่า : ไม่เห็นจะผิดซักหน่อย
อิริน่า : ให้เด็กผู้หญิงเป็นคนออกหน้า คอยกรอกคำหวานอย่างเธอมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งต่อไปเรื่อยๆ นั่นคือความตั้งใจของคุณเหรอคะ?
มาซายะ : ไม่ใช่!!!
อิริน่า : ตราบใดที่ยังอ้างด้วยตำแหน่ง second และตำแหน่งโค้ชได้ ก็คิดว่าปลอดภัยไม่ต้องรับผลกระทบอะไร ไม่ใช่ว่าอยากรักษาจุดยืนที่สบายโดยไม่ต้องเสียอะไรเลยเอาไว้เหรอคะ?
มาซายะ : ก็บอกแล้ว………..ไงว่าไม่ใช่!!
อิริน่า : ตอบมาซะ ฮินาตะ มาซายะ!
อิริน่า : เธอน่ะจะไม่สู้แล้วหนีต่อไปเรื่อยๆเหรอคะ นั่นคือความตั้งใจของคุณงั้นเหรอคะ?
อิริน่า : ตอบซะ

มาซายะก้มลงคุกเข่ากับพื้น มือกำหญ้าที่สนามไว้แน่น

มาซายะ : …………….อ..อ!!
มาซายะ : ไม่ใช่ ……..ผิดแล้ว……

ร่างกายที่สั่นเครือ ได้ยินเพียงเสียงปฏิเสธของตัวเองเท่านั้น
โถ่เว้ย ทั้งที่คิดว่าตัดใจได้แล้วแท้ๆ ทั้งที่คิดว่าหันหลังได้แล้วแท้ๆ
อาการปวดตุบๆกำลังรุมเล่นงานผมอยู่ ความมืดที่อยู่ในใจกำลังคอยกัดกินผมอย่างต่อเนื่อง

มาซายะ : ไม่………..

ผมพยายามที่จะปฏิเสธไปทางอิริน่าด้วยเสียงที่ค่อยจนแทบจะไม่ได้ยิน
ทั้งที่รู้อย่างนั้น แต่ก็เข้าใจว่ามันไปไม่ถึง
ทั้งฝ่ายตรงข้าม และก็ตัวเองด้วย
ระหว่างที่กำลังทนกับความมืดที่กัดกิน แล้วหันไปที่พื้น
ตอนนั้นเอง……

อาสึกะ : ไม่ใช่ค่ะ!!!
มาซายะ : เอ๊ะ………
อิริน่า : อึก……..!!

ปฏิเสธคำพูดที่เห็นต่างจากผม และพูดออกมาในสิ่งที่เข้าข้างผม
พอโล่งใจขึ้น ก็มองขึ้นไปเบื้องหน้า

อาสึกะ : ไม่ใช่…….ค่ะ…….!

คนที่อยู่ข้างหน้า คนที่ปกป้องผมจากอิริน่า คืออาสึกะนั่นเอง

อาสึกะ : มาซะยะซัง…….ไม่ใช่คน……..แบบนั้นค่ะ…..!
อิริน่า : คุราชินะ อาสึกะซัง….มาด้วยงั้นเหรอคะ

อิริน่าที่ไม่เปลี่ยนท่าทีไปเลยตั้งแต่เมื่อกี้ กำลังมองไปทางอาสึกะอยู่
แล้วยืนอย่างแน่นิ่งโดยไปขยับไปไหน
เผชิญหน้ากับพวกเราด้วยท่าทางเคร่งขรึม

มาซายะ : อาสึกะ……..?
อาสึกะ : ขอโทษนะคะ ได้ฟังที่พูดแล้วค่ะ เพราะมาซายะซังไม่กลับมาซักที เป็นห่วงก็เลยตามหาค่ะ
อาสึกะ : พอเจอตัวแล้ว ก็เกิดทนไม่ไหวค่ะ
อิริน่า : ทนไม่ไหว…เหรอคะ? แล้วมันยังไง
อาสึกะ : อิริน่าซังพูดว่ามาซายะซังกำลังหนีอยู่สินะคะ นั่นน่ะ ยังไงก็ผิดค่ะ
อิริน่า : อย่างที่ฉันพูดค่ะ เขากำลังหนีค่ะ ทั้งที่ตัวเองสู้ได้แท้ๆ แต่ก็ไม่ยอมสู้
อาสึกะ : ก็บอกว่าไม่ใช่ค่ะ
อิริน่า : ………งั้นจะฟังก็ได้ค่ะ ไม่ใช่ยังไงคะ?
อาสึกะ : มาซายะซังกำลังสู้อยู่ค่ะ ระหว่างที่ฉันกำลังยืนอยู่นี่ ตลอดเลย
อาสึกะ : ในฐานะโค้ช ไม่ว่าจะเช้าจะดึกก็เอาแต่คิดแผนฝึกตลอด ต้องสู้มากกว่าฉันกังวลใจมากกว่าฉันหลายเท่าเลยค่ะ
อาสึกะ : ทั้งที่เป็นอย่างนั้น…ฉันจะไม่ให้พูดได้หรอกค่ะ ว่านี่คือการหนี

คำพูดที่เปล่งอย่างชัดเจนของอาสึกะ
อิริน่าท่าทางยังไม่เปลี่ยนแปลง และไม่ขยับจากจุดนั้นแม้แต่ก้าวเดียว

อิริน่า : คุราชินะ อาสึกะซัง
อาสึกะ : ค ค่ะ
อิริน่า : ……ที่เสียมารยาทกับคุณ ขออภัยค่ะ
อิริน่า : แต่ว่าสำหรับฉัน ฉันก็ยังไม่เปลี่ยนความคิดนะคะ ว่าฮินาตะซังกำลังหนีอยู่
อาสึกะ : …….ทำไมถึงพูดแบบ
อิริน่า : เพราะฮินาตะมาซายะซัง เป็นผู้เล่นระดับโลกยังไงล่ะคะ

อิริน่าเปลี่ยนท่าทางนิดหน่อย แล้วจึงพูดอย่างสงบเยือกเย็น

อิริน่า : ไปกันเถอะค่ะ ฮินาตะซัง

เธอมองมาทางผมแล้วยื่นมือมา

อิริน่า : อวาลอนกรุ๊ปของเรา เป็นที่ปลุกปั้นเหล่าผู้เล่นให้ไปสู้ในระดับโลกค่ะ
อิริน่า : ไม่มีขอบเขตเรื่องเพศหรือสัญชาติค่ะ สิ่งที่จำเป็นมีเพียงความมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งเหนือใครๆค่ะ
อิริน่า : ฮินาตะซังมีสิ่งนั้นอยู่ค่ะ ความรู้สึกที่อยากจะแข็งแกร่งเหนือใครๆ ความรู้สึกที่ว่านั่นคือสิ่งสำคัญค่ะ
มาซายะ : จะให้ฉันกลับไปเป็นผู้เล่น แล้วสู้งั้นเหรอ?
อิริน่า : ค่ะ ถ้าทำอย่างนั้นก็เป็นประโยชน์กับซากิด้วย โลกของ FC ก็จะรุดหน้าไปอีกค่ะ

อิริน่าพูดด้วยท่าทางพึงพอใจ

อิริน่า : ส่วนอาสึกะซังกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาอยู่ ให้คนอื่นมาเป็นโค้ชแทนก็ได้ค่ะ แค่นี้ก็หมดห่วงแล้วใช่มั้ยคะ
อาสึกะ : ให้โค้ชคนอื่น ฝึกฉัน……
อิริน่า : ไม่มีเวลามามั่วลังเลแล้วค่ะ รีบออกจากตรงนั้นได้แล้วค่ะ ฮินาตะ มาซายะ

พอได้ฟังคำพูดนั้นแล้ว หัวใจก็เริ่มเต้นหนักขึ้น
ผม แล้วก็อาสึกะ ใช่แล้ว ตูมัวทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย

อิริน่า : ที่ที่คนอย่างคุณควรอยู่ไม่ใช่ตรงนั้นค่ะ เพราะฉะนั้นลืมตาตื่นได้แล้วค่ะ
อิริน่า : เร็วเข้า เดี๋ยวนี้เลย

อิริน่าเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วยื่นมือมาทางผม
ผมเผลอลังเลชั่วครู่ แล้วยื่นมือออกไป

อิริน่า : เอ๊ะ……..

ไม่ได้จับเอาไว้ แต่ตั้งหลักแล้วยืนขึ้นต่อหน้าอาสึกะ

มาซายะ : ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดของอวาลอน จะหวังให้แข็งแกร่งขึ้นได้โดยไม่ต้องคิดอะไรเนี่ยนะ…….
มาซายะ : นั่นมันก็แค่เรื่องเพ้อฝัน แน่นอนถ้าฉันตอนเด็กได้ยินเข้าล่ะก็คงดีใจรีบไปที่ยุโรปแน่
อาสึกะ : มาซายะ…ซัง

อาสึกะพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย

อิริน่า : ใช่มั้ยล่ะ ถ้างั้นก็……….
มาซายะ : แต่นั่นไม่ใช่ตัวเลือกของผมตอนนี้
อิริน่า : ………
มาซายะ : เพราะอิริน่าซังกำลังคิดผิดยังไงล่ะ
อิริน่า : คิดผิด ตรงไหนคะ?
มาซายะ : เรื่องของอาสึกะยังไงล่ะ
อาสึกะ : ……..อะ!
มาซายะ : อาสึกะน่ะ….ไม่ใช่ผู้เล่นกระจอกอย่างที่คุณคิดหรอก
อิริน่า : กระจอกเห็นๆไม่ใช่หรือไงคะ ไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ซากิด้วยซ้ำ
มาซายะ : ถ้าตอนนี้ล่ะก็นะ แต่ว่า พรุ่งนี้ล่ะไม่เหมือนเดิมแน่
อิริน่า : พรุ่งนี้….เหรอคะ
มาซายะ : พรุ่งนี้เช้า เช้าไปอีกวัน แล้วต่อๆไป ยังไปได้อีกมาก ไร้ที่สิ้นสุด
อิริน่า : พูดอะไรโง่ๆคะ ถ้าได้เข้าใจตัวเองล่ะก็ ซักวันต้องเจอทางตันแน่ค่ะ
มาซายะ : ตรงนั้นแหละ แต่อาสึกะต่างออกไป ที่ๆอาสึกะไปน่ะมันต่างกัน
อิริน่า : ถ้างั้นขอฟังหน่อยได้มั้ยคะ..? เธอคนนั้นจะไปได้แค่ไหน
มาซายะ : สุดปลายฟ้าครับ
อิริน่า : เอ๊ะ….?
มาซายะ : สุดปลายขอบฟ้า เหนือขึ้นไปกว่านั้น คิดแต่เรื่องบินไปให้ถึงเท่านั้น นั่นคือคุราชินะ อาสึกะ ครับ
อิริน่า : สุดปลาย….ขอบฟ้า

ผมคิดมาตลอดเลย ถึงความสุดยอดที่อาสึกะมี
ทำไมถึงไม่ถอยหนีจากคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง และแข็งแกร่งขึ้นจากจุดที่ต่ำที่สุด
คำตอบนั้น ในที่สุดก็เข้าใจ

มาซายะ : ผมน่ะ กลัวผู้เล่นที่ชื่ออินูอิ ซากิมาก แต่ว่าจริงๆแล้ว เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง
มาซายะ : ผมจะอยู่เคียงข้างอาสึกะ แล้วโค่นพวกคุณลงให้ได้ เพราะงั้นผมขอปฏิเสธข้อเสนอครับ

มีอย่างนึงที่ฝังรากลึกลงไปในตัวผม

มาซายะ : อาสึกะ
อาสึกะ : ค่ะ
มาซายะ : ไปกันเถอะ

อาสึกะพยักหน้าแรงๆครั้งนึง

อาสึกะ : ค่ะ!

พวกเราหันหลังโดยไม่เสียเวลา แล้วมุ่งหน้าไปทางบันได

อิริน่า : ขอถามอีกครั้ง ไม่คิดจะกลับมาเหรอคะ
อิริน่า : ทั้งที่แข็งแกร่ง เป็นผู้เล่นระดับตำนานที่ทะลวงผ่านน่านฟ้าแท้ๆ……….

ผมหยุดเดิน
แต่ไม่ได้หันหลังกลับไป แล้วส่งออกไปเพียงคำพูด

มาซายะ : กลับสิครับ
มาซายะ : ด้วยกัน2คน
อิริน่า : ….อ
มาซายะ : ขอตัวครับ

ไปให้สูงและไกลยิ่งกว่าใคร
ที่ๆผมเคยมุ่งมั่นจะไป บัดนี้จะไปด้วยกันกับอาสึกะ
หัวเราะและมีความสุขไปด้วยกัน

กลับมาที่ห้องชมรม อาสึกะขอโทษมาซะยะ ที่เผลอไปยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่มาซายะบอกไม่เป็นไร
หลักจากคิดนิดหน่อยแล้ว มาซายะจึงเริ่มเล่าเรื่องสมัยที่ยังเล่น FC

สมัยตอนชั้นประถม
ผมในตอนนั้นไม่ว่าจะเรียนหรือกีฬาก็ระดับธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่นเลนซักอย่าง
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไร ใช้ชีวิตทุกวันไปโดยไม่มีที่เป็นของตัวเองไปเรื่อยๆ
ดังนั้นก็เลยลองหาอะไรซักอย่างที่ตัวเองชอบเพื่อจะได้หมกมุ่นอยู่กับมัน
และแข็งแกร่งได้กว่าใครๆ เป็นเกมน่าสนใจที่ไม่มีใครเหมือน ไปในที่ๆใครก็เข้าถึงไม่ได้ง่ายๆ
คิดอย่างนั้น และต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้
และตอนนั้นเองก็ได้พบกับ FC เข้า

หลังจากได้ยินมา พ่อก็ชวนให้ลองไปดูการแข่งระดับเขต
เลยลองไปดูแบบไม่ได้ตั้งเป้าอะไร ไปดูเพราะแค่อยากฆ่าเวลาเล่นเท่านั้น
แต่วินาทีนั้นเอง ผมก็หลงเสน่ห์ FC เข้าจนได้
มีผู้เล่นมากมายบินไปมาเร็วมากแบบไม่เคยเห็นมาก่อน หาวิธีการทำแต้ม และแต่ละคนก็ต่างสายการเล่น
ยิ่งกว่านั้น ยังมีผู้เล่นคนนึงที่มีวิธีสู้ดึงดูดตาผมเข้า

คางามิ อาโออิ

ในตอนนั้นเธอเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จของญี่ปุ่น
ในการแข่งระดับเขตเธอเป็นผู้เล่นที่ชนะเลิศและมีสไตล์ที่โดดเด่น ผมเองก็ถูกความแข็งแกร่งนั่นดึงดูดเข้า
บินตรงเป็นเส้น contrail (รอยทิ้งท้ายเมื่อเครื่องบินๆผ่าน)อันสวยงาม และความแข็งแกร่งอันสุดจะบรรยาย

[ผมอยากจะบินไปบนท้องฟ้า]

ความคิดชั่ววูบในตอนนั้น วันนี้จึงปราถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น
สิ่งที่จะทำให้บินไปบนฟ้าได้ วันที่ได้พบกับกราชู ชีวิตผมก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
รีบโตเพื่อที่จะได้รับอนุญาติ แล้วรีบเรียนรู้วิธีบินทันที
ถึงจะบินได้แค่ในพื้นที่ๆกำหนดก็เถอะ แต่ก็ได้เห็นโลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอันกว้างใหญ่ใบนี้

ในวันนั้นเองผมยังจำได้ดีถึงร่างกายผมที่ได้สัมผัสกับฟ้า
แต่ว่าแค่บินไปบินมาไม่อาจทำให้ผมพอใจได้ และได้เริ่มหาอะไรแปลกใหม่ทำ
อะไรที่เร็วกว่านี้ ทำให้จิตวิญญาณเร่าร้อนได้กว่านี้
ผมอยากบินไปบนท้องฟ้าให้ได้แบบผู้เล่นคนนั้น ผมปรารถนาจากเบื้องลึก อยากพบเธอคนนั้นอีกครั้ง

ตอนนั้นเอง โอกาสก็เข้ามาหาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ต้องขอบคุณพ่อที่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับอาโออิซัง ผมจึงได้รับการสอนวิธีบินโดยตรงจากอาโออิซัง
ผมขอร้องอาโออิซังให้เริ่มสอนตั้งแต่พื้นฐาน
สอน FC ให้ผมด้วย ผมพูดไปอย่างนั้น
อาโออิซังลังเลพักนึง ก่อนจะหัวเราะออกมา
อาโออิซังขยี้หัวผมจนยุ่งแล้วก็พูดออกมา ตอนนี้เองก็ยังจำได้ดีอยู่

[ชอบท้องฟ้ามั้ย?]

จำไม่ได้เหมือนกันว่าตอบกลับไปว่าอะไร
บางทีอาจจะจะชอบ หรือสุดยอดก็ได้มั้ง แต่ผมยังจำท่าทางในตอนนั้นของอาโอซังได้ดีอยู่
เธอมองด้วยสายตาอ่อนโยน และเหงาในเวลาเดียวกัน
ทั้งที่เป็นแชมป์แล้วแท้ๆทำไมถึงได้ทำสายตาแบบนั้นกันนะ ผมในตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน

กลับมาที่ปัจจุบัน มาซายะถามอาสึกะ ว่าทั้งที่แข็งแกร่งแต่ทำไมถึงได้เจ็บปวดแบบนั้น เข้าใจมั้ย?

อาสึกะเงียบแทนคำตอบ มาซายะจึงถามอาสึกะว่าอยากฟังต่อมั้ย? อาสึกะก็ตอบรับ มาซายะจึงเริ่มเล่าต่อ

อาโออิที่รับผมเป็นโค้ช เวลานั้นราวกับล่องลอยอยู่ในความฝันเลย
ครึ่งปีที่ได้เรียนรู้พื้นฐาน ผมแข่งกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แล้วในการแข่งผมก็ทำผลงานได้ที่3จนได้
แล้วก็ได้ก่อตั้งชมรมรุ่นจูเนียร์ U-12 ขึ้นมาซึ่งได้มีการรับรอง และได้รับการสนับสนุนจากผู้เล่นรุ่นเดียวกัน
ทั้งสื่อทำข่าวต่างก็เพิ่มจำนวนขึ้น ขณะเดียวกันทางด้านอาโออิซังก็ได้เป็นแชมป์โลกพอดี ข่าวที่ว่าเป็นลูกศิษย์ของคางามิอาโออิก็เพิ่มเป็นเงาตามตัว
หนุ่มน้อยอัจฉริยะ นั่นคือชื่อที่ถูกกล่าวถึงต่อมา
ที่นี่คือที่อยู่ของผม ที่ๆผมกางปีกออก และบินไปสุดไกลโพ้น
ช่วงเวลาที่ได้บิน คนที่ยินดีไปกับผมก็มีเพิ่มมากขึ้น
ช่วงแรกก็มีความสุขสุดๆจนไม่คิดว่าจะสุขไปกว่านี้แล้ว
….แต่ว่า

มาซายะ : แฮก……..แฮก…..อะไรกันเนี่ย โธ่เว้ย

เหงือที่ออกท่วมตัว และหายใจอย่างรุนแรง
ในวันนั้นเอง ผมก็ฝันร้ายจนต้องตื่นขึ้นมากลางดึกถึง3ครั้ง
ความเจ็บปวดจากคอที่แห้งผาก สายตาที่เห็นเริ่มพร่ามัว
วันที่ไม่ได้นอนเต็มตื่นก็ยังคงดำเนินต่อไป

หลังจากการแข่งระดับเขต ในที่สุดก็เป็นแชมป์การแข่งทั่วประเทศจนได้
อาโออิซังเองก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วย
ทางด้านผู้ใหญ่เองก็เริ่มจะพูดถึงการไประดับโลกกัน
แต่ว่ายิ่งชนะไปมากเท่าไหร่ จากความสนุกที่ได้บิน ก็กลายเป็นความกลัวที่ก่อตัวเพิ่มขึ้น
กราชูที่เคยคิดว่าเป็นหนึ่งเดียวกันมาตลอดก็เริ่มรู้สึกหนัก ทัศนวิสัยที่เคยเห็นได้ก็แคบลง
— — — มาจากแรงกดดันนั่นเอง

ทั้งอย่างนั้นแต่อาโออิซังก็ไม่ได้พูดอะไร
อาโออิซังเชื่อในตัวผมยิ่งกว่าใครๆ ก็ร่วมยินดีที่ผมเติบโตขึ้น
ถ้าผมแสดงท่าทีอ่อนแอออกไปละก็ อาโออิซังคงจะรีบเข้ามาช่วยทันทีแน่นอน
แต่พอลองคิดกลับไปว่าถ้าตอนนั้นผมแสดงท่าทีอ่อนแอออกไปล่ะก็ คงไม่ต้องมารู้สึกแบบนี้อีก

ช่วงนั้นอาโออิซังเอง เพื่อที่จะแจ้งเกิดในระดับโลก ก็ฝึกฝนอย่างหนักเรื่อยมา
ถึงอย่างนั้นก็ยังเจียดเวลามาช่วยดูแลผมด้วยเป็นครั้งคราว แล้วยังมีเรื่องยุ่งยากปวดหัวเมื่อขึ้นไประดับสูงๆ อาจจะรู้สึกลำคาญบ้างก็ได้แท้ๆ
ถึงผมจะไม่ได้ร่วมยินดีไปกับคางามิอาโออิในฐานะผู้เล่นมากนัก แต่ก็ไม่อาจมองข้ามได้
ตัวผมเองก็ลองพยายามบ้างแล้วกัน ผมตัดสินใจ แล้วสู้กับแรงกดดันที่มีเรื่อยมา
….แต่ว่าแรงกดดันของฝ่ายตรงข้ามที่เป็นถึงระดับโลก ก็ทำให้ร่างกายของผมทนรับมันไม่ไหวอีกต่อไป

มาซายะ : อุก…….รู้สึกแย่สุดๆเลย….อุ…..

ความรุนแรงของการฝันร้านและอาการนอนไม่หลับที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ทุกๆคืนผมคลื่นใส้จนแทบจะอาเจียนออกมา

มาซายะ : ทำไม….ถึงได้เป็นแบบนี้กันนะ

พอได้มองไปบนนิตยสารที่วางอยู่บนชั้นหนังสือ ก็เห็นข่าวของตัวเองและรางวัลมากมายที่เคยได้รับมาเข้า

มาซายะ : ทั้งที่…..มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้เลยแท้ๆ

ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้กัน ทั้งที่คิดว่าไม่อยากทุกข์ทนไปมากกว่านี้แล้วแท้ๆ
ทั้งที่คิดว่าการบินไปบนท้องฟ้ามันต้องสนุกสุดเหวี่ยงแท้ๆ
ไปให้เร็วและสูงยิ่งกว่าใครๆ มันต้องรู้สึกสนุกสิ
แต่เพื่อเป้าหมาย ต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆ ชนะต่อไปเรื่อยๆเพื่อไปให้ถึง
คิดว่าต้องสนุกได้ตลอดไป เพราะฉะนั้นจึงได้ซ้อมแข่งเรื่อยมา
ทั้งที่เป็นอย่างนั้น แต่พอได้ชนะไปเรื่อยๆจากความสนุกก็เปลี่ยนเป็นบางสิ่งที่เข้าครอบงำแทน
ตอนนี้ผมที่มี “พรสวรรค์” ได้รับชัยชนะได้ทั้งเกียรติยศ ก็พยายามข่มความกดดันที่มีเอาไว้
แต่ยิ่งข่มไว้ มันก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น ผมรู้ตัวเองดี

มาซายะ : ฉันแค่อยากจะบินแท้ๆ….
มาซายะ : ทั้งที่อยากบินอย่างสนุกแค่นั้นเองแท้ๆ

ผมมองเหงือที่ไหลท่วมมือ แล้วลองถามตัวเอง
แต่ไม่มีคำตอบอะไรกลับมาเลย

…..และแล้ว วันก่อนที่จะไปแข่งชิงแชมป์โลกหนึ่งสัปดาห์
ระหว่างที่กำลังฝึกอยู่ก็ได้พบเข้า ได้แข่งกับเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จักเข้า
เป็นการแข่งที่ไม่คิดเรื่องจะแพ้อยู่แล้ว ตัวเองที่เป็นถึงระดับประเทศ จะไปแพ้ให้กับพวกมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ FC เลยได้ยังไง
แต่ทั้งอย่างนั้น หมอนั่น….

แค่1–2ชั่วโมงเท่านั้น อยู่ๆวิธีบินก็ดีขึ้น
ท่าที่ผมฝึกแทบเป็นแทบตาย บินอย่างหนักซ้ำไปซ้ำมาจนแทบบ้า
จนในที่สุดก็เข้าใกล้มัน และคิดไปว่านี่คือท่าที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง

??? : สุดยอดเลยน้า เธอน่ะบินแบบนั้นได้ด้วยเหรอเนี่ย สนุกเหมือนกันนะเนี่ย

ไม่เห็นสนุกเลยซักนิด
พอทีเถอะ คืนสิ่งที่ชิงจากฉันไปมาได้แล้ว

??? : ได้มะ? นะ บินแบบสุดยอดๆให้ดูหน่อยสิ

ไม่ให้ดูว้อย คนอย่างมึงน่ะ จะขโมยของๆกูไปอีกเท่าไหร่กัน
ทั้งที่พยายามสร้างมันมากับอาโออิซังแท้ๆ ทำไมคนอย่างมึง
เอาคืนมานะ เอาคืนมานะว้อย

??? : เป็นอะไรเหรอ? การแข่งล่ะ?

หนวกหู กูไม่แข่งแม่งแล้ว
ถ้าแข่งต่อไปล่ะก็ ผมคง
ไอเรื่องแบบนั้น ไม่ฟัง กุไม่อยากฟังแล้ว

??? : ทำไมล่ะ?

หนวกหู กูกลับแล้ว อย่าเข้ามานะว้อย
พูดอะไรกุก็ไม่สน
ไม่ฟัง ไม่ฟัง ไม่ฟัง ไม่ฟัง ไม่ฟัง ไม่ฟัง!!!!!!!!!!

มาซายะ : แฮก…. แฮก……….แฮะ…..!

ที่อยู่เบื้องหน้า คือนิตยสารและใบประกาศเกียรติคุณที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
ถ้วยรางวัลที่ได้มา บริเวณคอแตกออกจากกันเป็น2ส่วน

มาซายะ : ทำไมกัน ทำไมกันวะ!!

เศษของทั้งหมดกระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้อง
บทความที่เขียนเกี่ยวกับผมว่า “อัจฉริยะ” คำที่ได้เห็นนั้นต้องตาผมเข้า
ทัศนวิสัยที่พร่ามั่วเพราะน้ำตาที่หลั่งริน และฉีกอักษรนั้นออกเป็น2ส่วน

มาซายะ : ฮะๆ ….5555+….

ผมมองอย่างดูถูกไปที่ข้าวของบนพื้น

มาซายะ : อัจฉริยะเหรอ….มีที่ไหนกัน…คนแบบฉันเนี่ยเหรอ

ไม่ว่าอะไรก็ถูกแย่งชิงไปหมด
ทั้งที่คิดว่าจะเป็นที่อยู่ของตัวเองตลอดไปแท้ๆ
ทั้งที่คิดว่าจะได้มองท้องฟ้าตลอดไปแท้ๆ
ทั้งที่คิดว่าตัวเองจะได้รุดหน้าไปกว่าใครแท้ๆ
ทั้งหมดเละตุ้มเป๊ะไม่มีชิ้นดี

มาซายะ : ต้องแบบไอหมอนั่นสิ ที่เป็นของจริง

เผลอคิดไปชั่ววูบนึงว่าต้องแบบหมอนั่นสิ
ต้องแบบไอหมอนั่นสิ ถึงจะได้อยู่บนฟ้าต่อ

มาซายะ : ฮึก…..อึก ถ…..บัดซบเอ้ยยยยยยยยยย!!!

ลืมไปให้หมด
ทั้งเรื่องของท้องฟ้า เรื่องของโลก เรื่องของ FC
ผมน่ะไปอยู่ที่เดียวกับอาโออิซังไม่ได้หรอก
ผมอภัยให้ไม่ได้หรอก ถ้าต้องไปอยู่บนท้องฟ้าน่ะ

--

--

coregameHD

Self-proclaimed blogger. Technology and Japan enthusiast. | ผู้หลงไหลในเทคโนโลยีและความเป็นญี่ปุ่น →Github: https://github.com/coregameHD