ตามรอย Love Live! Sunshine!! ที่เมืองนุมะซุ (ตอนที่ 3) : เกาะอะวาชิมะ

Kasidis Arunruangsirilert
5 min readApr 22, 2017

--

ท่าเรือบนเกาะอะวาชิมะ

สวัสดีครับทุกท่าน ก่อนที่เราจะไปเริ่มกัน ขออนุญาตแปะลิงค์ของบล็อกทั้งหมดในซีรี่ย์นี้นะครับ

ภาษาอังกฤษ

Part 1 : Numazu Downtown
Part 2 : Numazu Fish Market + View-O
Part 3 : Awashima Island
Part 4 : Uchiura (Mito Beach)
Part 5 : Uchiuranagahama

ภาษาไทย

ตอนที่ 1 : ตัวเมืองนุมะซุ
ตอนที่ 2 : ตลาดปลานุมะซุ + View-O
ตอนที่ 3 : เกาะอะวาชิมะ
ตอนที่ 4 : หาดทรายมิโตะ
ตอนที่ 5 : อุจิอุระ

เริ่มได้! ความเดิมตอนที่แล้วคือเราได้ไปทัวร์จุดสำคัญของเมืองนุมะซุมาสองจุด ได้แก่ ตลาดปลานุมะซุและ “View-O” หอสังเกตุการณ์ประตูกั้นน้ำนุมะซุ ซึ่งทั้งสองที่นั้นอยู่ทางใต้ของตัวเมือง ในบล็อกนี้เราจะพาทุกท่านลงใต้และข้ามเรือไปยังเกาะอะวาชิมะ การขับรถไปยังท่าเรือ Shigedera ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีบริการเรือข้ามฟากไปยังตัวเกาะนั้นใช้เวลาขับรถประมาณ 25 นาที โดยมีระยะทางรวมประมาณ 10.5 กิโลเมตร

แผนที่จากตลาดปลาไปยังท่าเรือ Shigedera

ผมจะไม่แปะวีดีโอเนื่องจากว่ามันน่าเบื่อเกินนะครับ พอมาถึงที่ท่าเรือก็จะพบกับป้าย LL:SS มากมาย…

มีแต่ LL:SS เต็มไปหมด

เท่าที่เห็นมี รู้สึกจะพึ่งเห็นป้ายมาสคอตของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะวาชิมะป้ายแรก เลยต้องขอถ่ายรูปสักหน่อย… LL:SS แย่งซีนเต็มๆครับงานนี้

มาสคอตของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะวาชิมะ

เรือข้ามฟากแพงใช้ได้ ราคาผู้ใหญ่ 1,800 เยนและ 900 เยนสำหรับเด็ก

ตั๋วเรือข้ามฟาก
วิวจากเรือข้ามฟาก
เทียบกับตอนแรกในอนิเมะ

จากที่เห็นจะสังเกตุว่ามีเรือลาย LL:SS ด้วย แต่ดันไม่เอามาวิ่ง! ในนั้นมีแต่ลายเซ็นคนพากย์ เสียดายโคตรๆ แต่จะทำไงได้… เรือข้ามฟากใช้เวลาประมาณ 5 นาทีในการวิ่งจากท่ามายังเกาะ และฉากแรกที่ได้เห็นคือฉากนี้…

สำเนาถูกต้อง

ฉากนี้อยู่ในอนิเมะตอนที่ 1 นั่นเอง ตอนที่จิกะจังกับโยจังมาเยี่ยมคานันจัง พอลงเรือมาก็รู้สึกได้ทันทีว่าอะวาชิมะเป็นเกาะที่สงบมาก อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีคนอาศัยอยู่บนเกาะนี้ก็เป็นได้ เดินไปอีกฝั่งของท่าเรือแล้วเราก็จะพบกับร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้ ข้างในร้านก็จะมีลายเซ็นเซ็นนักพากย์และทีมงานวางให้เห็นเต็มไปหมด นอกจากลายเซ็นแล้วร้านนี้ยังมีเมนูพิเศษคือ Aqours-Don นั่นเองซึ่งราคาอยู่ที่ 1,800 เยน

ภายในตัวร้านกับสาหร่ายจาก Aqours-Don
ป้ายเมนูของร้าน

เดินเข้ามาที่ตัวเกาะแล้วสิ่งแรกที่จะเจอคือร้านขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งก็เต็มไปด้วยสินค้า LL:SS อย่างที่ได้คิดเอาไว้…

LL:SS goods everywhere!

ไหนๆเราก็เสียค่าตั๋ว 4 คนรวมเป็นเงิน 7,000 เยนไปแล้ว ก็ต้องขอมาเดินชมข้างในพิพิธภัณฑ์สักหน่อย

เต็มไปด้วยปลานานาสายพันธุ์

ในตัวพิพิธภัณฑ์ก็เต็มไปด้วยปลาหลายชนิดพร้อมกับข้อมูลต่างๆให้ศึกษา แต่ไม่มีภาษาอังกฤษให้อ่านเลย งานนี้เลยได้แค่เดินชมเฉยๆ ข้างหน้าพิพิธภัณฑ์จะมีเพนกวินให้ชมด้วย ก็เพลินดีเหมือนกัน หลังจากชมเสร็จ ผมก็เดินไปบ้านคานันซึ่งอยู่ฝั่งซ้ายของท่าเรือ

ระหว่างทาง เราจะเจอกับเก้าอี้ตัวนี้ ซึ่งก็คือจุดที่พี่น้องคุโรซาว่านั่งกินไอศครีมในนิตยสาร Dengeki G’s Magazine ฉบับเดือนตุลาคม 2015 นั่นเอง

เดินต่อประมาณ 5 นาที เราก็จะเจอกับป้ายนี้ทางซ้ายซึ่งเต็มไปด้วยลายเซ็นนักพากย์ จากวันที่ทำให้ทราบทันทีว่าเขาพึ่งมาที่นี่เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นวันที่ Single ที่ 3 ของ Aqours ออกวางจำหน่าย (วันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2560 Aqours ได้ออก Single ที่ 3 ชื่อ HAPPY PARTY TRAIN)

ในที่สุดเราก็มาถึงบ้านคานันจังซึ่งในชีวิตจริงคือ Kaerukan หรือบ้านกบ ใช่แล้ว ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์กบนั่นเอง

ชุดว่ายน้ำของคานันจังอยู่ในอาคารนี้เอง รวมทั้งแฟนอาร์ทและลายเซ็นผู้พากย์เสียงคานันอีกด้วย ข้างในอาคารยังมีกบนานาสายพันธุ์ให้ศึกษา

หน้าพิพิธภัณฑ์ก็คือฉากนี้นั่นเอง

ผ่านไปแล้วนะครับสำหรับการพาชมบ้านคานันจัง เราเดินต่อไปที่ทางขึ้นศาลเจ้าอะวาชิมะเลยดีกว่า อย่าลืมว่าสาวๆวง Aqours วิ่งขึ้นศาลเจ้านี้เพื่อออกกำลังกายนะครับ

ป้ายบอกทางและเวลาที่ใช้

ป้ายระบุไว้ว่าจะใช้เวลาราวๆ 50 นาทีในการปีนขึ้นลง ผมไม่มีเวลาขนาดนั้นเพราะยังมีหลายๆจุดที่ต้องไป เลยขึ้นไปแค่ 1/5 พอหอมปากหอมคอนะครับ

ทางขึ้นไปศาลเจ้าอะวาชิมะ

จากรูปจะเห็นนะครับว่าบันไดมันชันโคตรๆ เดินไม่ดีนี่ตกมาตายได้เลยทีเดียว ถ้าไม่แน่จริง บอกเลยครับ อย่าขึ้นเลยยยย งานนี้ขอปรบมือให้คานันจังที่วิ่งขึ้นลงทุกวัน แน่จริงๆ ไปบ้านมาริจังดีกว่า…

เรือ LL:SS เทียบท่า

ระหว่างทางผมก็เห็นว่าเขาได้นำเรือ LL:SS มาบริการอีกครั้ง… เศร้าสิครับงานนี้ ซ้ำสอง ตอนกลับได้นั่งลำเก่าอีก TT แต่ช่างมันเหอะ ไปบ้านมาริจังดีกว่า…

ป้ายเทียบกับรูปตอนนักพากย์มาเที่ยวที่นี่

ระหว่างทางไปโรงแรม เราก็จะพบกับป้ายนี้ด้านซ้าย วันที่บอกให้เรารู้ว่า พึ่งเซ็นกันสดๆร้อนๆเลย

ทางเดินไปโรงแรมสะอาดและร่มรื่นดี พอไปถึงที่โรงแรมก็โดนห้ามให้เข้าหรือถ่ายรูปเพราะเขาสงวนสิทธิ์ไว้ให้กับแขกของโรงแรมเท่านั้น (เข้าใจเขาอยู่) เราจึงเดินลอดอุโมงค์นี้เพื่อไปที่อีกด้านของเกาะ

พอลอดไปแล้ว ก็จะเจอกับวิวชายฝั่งที่สวยงามรออยู่ แต่สังเกตุเห็นอะไรไหม?

ครอป 100% เห็นอะไรไหม?

โรงเรียน Nagaisaki จากเกาะอะวาชิมะ

โรงเรียน Nagaisaki นั่นเอง หรือในอนิเมะก็คือโรงเรียน Uranohoshi ซึ่งวง Aqours เรียนอยู่นั่นเอง สวยใช่ไหมละ เดี๋ยวเราจะไปที่นั่นเร็วๆนี้ โดยรวมแล้วบนเกาะนี้มันไม่มีอะไรจริงๆ ผมขอจบด้วยโชว์โลมาของทางพิพิธภัณฑ์ละกันนะครับ

โชว์โลมาของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอะวาชิมะ

นั่งเรือกลับฝั่ง เสร็จพิธี…

เทียบกับวิวจากตอนที่ 1 ในอนิเมะ

So that’s it for Awashima Island, there’s only a few things on the island and the tickets are very expensive. In the next blog, I’m gonna take you guys for a tour at Uchiura, which is where all the magic happened! Don’t forget to leave comments and stay tuned!

จบไปแล้วนะครับสำหรับเกาะอะวาชิมะ ส่วนตัวรู้สึกว่าจะไม่ค่อยคุ้มค่าตั๋วอันแสนแพงเสียเท่าไหร่ ในบล็อกถัดไปเราจะพาทุกท่านไปยังหาดทรายมิโตะซึ่งอยู่ในเขตอุจิอุระ โดยเหตุการณ์ส่วนใหญ่ในอนิเมะจะเกิดขึ้นที่นี่ จะเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องติดตามชมกันนะครับ!

--

--

Kasidis Arunruangsirilert

A kid who is passionate in programming. Mentioned on Bangkok Post as “Youngest software developer”