Kashmir 4
Life is fun, Enjoy every minute
เหยียบแคชเมียร์จนได้ แตะศรีนาการ์นิดหน่อยแล้วจากมา เรามาถึง Gulmarg เกือบเย็นแล้ว จิ้มจุ่มหิมะไปได้นิดหน่อยพอกระเทิน… อ่านตอนที่แล้ว
ตื่นมาแต่เช้าที่อุณหภูมิ -2 องศา เพื่อไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นกัน ที่ Gulmarg พระอาทิตย์ขึ้นตอนเจ็ดโมงครึ่ง อันที่จริงบริเวณนั้นไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแบบจริงจังหรอกค่ะ เพราะมีเขาล้อมรอบ แต่จะเห็นแสงแรกที่ฉายกระทบยอดเขาเห็นมลังเมลือง สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง
หน้าโรงแรมเช้านี้
มองย้อนหลังไป พระจันทร์ยังไม่ลับขอบฟ้าเลย
เนื่องจากหิมะตกมาสองวันแล้วยังไม่ตกอีก บางส่วนก็เริ่มจะละลายบ้างแล้ว ตอนหิมะละลายนี่ค่อนข้างอันตรายมากเวลาเดิน เพราะพอละลายเป็นน้ำ แล้วอากาศเย็นก็กลายเป็นน้ำแข็งแผ่นใสๆเคลือบผิวทันที ซึ่งลื่นมากกกกก ถ้าไม่ใช่รองเท้าตะปูก็เอาไม่อยู่ ทั้งกำนันฯและฉันก็เผลอลื่นไปคนละทีสองที เพราะมัวแต่จะถ่ายรูปโดยไม่ได้ดูพื้น ดังนั้นเวลาเดินต้องเหยียบตรงหิมะปุยๆตรงขอบถนนจะปลอดภัยกว่า
แสงอาทิตย์แรกสาดกระทบยอดเขา งามมากๆ
เราเดินไปถ่ายรูปกันสักกิโลกว่าๆก็กลับมาที่โรงแรมเพื่อกินอาหารเช้า และเตรียมตัวก่อนหิลันจะมารับ ที่พักรวมอาหารเช้าด้วย ซึ่งมีสารพัดไข่แล้วแต่จะสั่ง กับขนมปัง และชา กาแฟ หรือช็อคโกแลตร้อน
แดดเริ่มแรงแล้ว ตอนเรากลับมาอุณหภูมิเพิ่มเป็น 0 องศา
ต้นไม้หน้าโรงแรม สังเกตต้นหนึ่งที่เสียบทะลุจั่วขึ้นไป
เราเตรียมตัวลงมารอหิลันตอนเก้าโมงเช้า วันนี้ทุกคน Pack light เพราะคาดว่าจะสุดเหวี่ยงกัน โดยเฉพาะเด็กๆ 555 เก้าโมงครึ่งแล้วหิลันยังไม่มา ฉันเริ่มกระวนกระวาย นึกโมโหตัวเองที่ลืมขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ (ให้ตังค์ไปด้วยไงคะ ตั้งสามพันรูปปี) ฉันบอกผจก.โรงแรม และบอกว่าฉันมีแต่บัตรประจำตัวของหิลันเนี่ย ผจก.บอกว่า อย่าห่วงมาแน่นอน นักท่องเที่ยวอินเดียอีกกลุ่มหนึ่งก็เจอปัญหาเดียวกันคือ ไกด์โนโชว์ (กลุ่มนี้ มากันแบบพื้นถิ่นมากคือนุ่งส่าหรี รองเท้าแตะ ฉันเห็นชุดที่เขาเช่ามาจาก Tangmarg ด้วย รองเท้าจะเป็นบู้ทยางสูงๆ เหมือนเวลาใส่กันน้ำท่วม ซึ่งที่โรงแรมจะให้ถอดวางไว้ข้างนอก ไม่รู้ทำไม)
สิบโมงนิดๆ หิลันก็หน้าตั้งเข้ามา พร้อมกับขอโทษ บอกว่ามีปัญหาเรื่องรถขาขึ้นมา เอาเถอะมาก็ดีแล้ว เราพากันเดินลงไปยังสถานีกระเช้า Gondola ที่อยู่ห่างไปประมาณกิโลกว่าๆ หิลันบอกให้รอหน้าทางเข้า ส่วนเขาจะวิ่งไปซื้อตั๋วให้ ค่าตั๋วเที่ยวเดียวไปแค่ First Phase ราคาคนละ 600 รูปี (มีสองเฟส เฟสที่สองจะอยู่สูงขึ้นไปอีก แต่คนส่วนใหญ่รวมทั้งเราก็จอดแค่เฟสแรก เฟสที่สองเป็นพวกนักสกีมือโปร) ระหว่างรอก็ถ่ายรูปบรรยากาศไป
เดินไปสถานี Gondola ทางด้านขวาที่เห็นเป็นร่องนั่นคือลำธาร
เราจะขึ้นไปที่ยอดเขาเบื้องหน้านั่นแหละ
พ่อค้าเร่ ขายชากับกาแฟ ที่เห็นถือกระติกนั่น
เดินไปสถานีหลังจากได้ตั๋วมาแล้ว
เตรียมขึ้น กระเช้าจะไม่จอด พอวนมาเราต้องรีบขึ้นให้ทัน กระเช้าหนึ่งนั่งได้หกคน
ออกผจญภัยแล้วฮับ
Shelter ด้านล่างที่เห็น เป็นที่พักของคนเลี้ยงแกะในหน้าร้อน ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี
ฟินมากกับทิวทัศน์ กลางท้องฟ้าในภาพไม่ใช่เมฆ แต่มันคือเทือกเขาหิมาลัยทั้งแถบ
“Hilan” ไกด์หนุ่ม
Gulmarg Gondola เป็นกระเช้าเคเบิลที่สูงที่สุดในเอเชีย เฟสแรกเรียกว่า สถานี Kongdori ที่ความสูง 8530 ฟุต ก่อสร้างและบริหารงานโดยบริษัทจากฝรั่งเศส จากสถานี Gulmarg ไป Kongdori ระยะทางประมาณ 2 กม.กว่าๆ
ถึงแล้ว สถานี Kongdori
ลงจากกระเช้ามาอย่างกระปรี้กระเปร่า ภาพที่เห็นตรงหน้าช่างสวยเหลือเกิน แดดดีมาก แต่อากาศยังคงเย็น หิมะขาวโพลนสะท้อนแดด จนต้องรีบควักแว่นกันแดดออกมาใส่กัน (เป็นไอเท็มยอดฮิตที่ชาวแคชเมียรี่เร่ขายนักท่องเที่ยว) เป้าหมายแรกคือ การเล่นสกี
หิมะที่บนนี้ หนา ขาวสะอาดมาก
เล่นๆไป เด็กๆบอกร้อนมาก ทยอยถอดเสื้อออกทีละชั้นๆ
เด็กๆกับครูฝึก ค่าเช่าอุปกรณ์พร้อมครูฝึกคนละ 2,500 รูปี ไม่จำกัดเวลา
หนุ่มคนนี้ เต๊ะท่าและขอให้ฉันถ่ายรูปเขาหน่อย จัดไปโดยพลัน
บริเวณใกล้ๆกัน จะมีคนลากเลื่อนมาคอยให้บริการ ซึ่งเราก็ใช้บริการเขาหลังจากเล่นสกีเสร็จ โดยเขาจะให้เรานั่งบนเลื่อนไม้ แล้วลากไป ไปไหนก็ไม่ต้องเดิน แต่เราใช้บริการรวมการนั่งเลื่อนไม้นี้ลงไปยัง Gulmarg ด้านล่าง แทนการนั่งกระเช้า O__O ซึ่งระยะทางในการนั่งเลื่อนลงไปนี้คือประมาณ 13 กม. คดเคี้ยวไปตามทาง Trekking ราคาค่าบริการคนละ 2,000 รูปี (รวมทิป แพงแต่ไม่เสียดายเงินเลย คนลากเลื่อนสมควรได้จริงๆ)
เราเริ่มให้เขาลากจากบริเวณที่เล่นสกี ไปยังร้านอาหารที่อยู่ห่างไปไม่ถึงกิโล (เดินก็ได้อ่ะนะ แต่ไม่มัน 55)
ชุมนุมร้านอาหาร
สัดส่วนมาตรฐาน ตามขนาดเลื่อนเป๊ะ
ที่ร้านอาหาร เรากินไก่ย่าง เฟรนช์ฟราย และชา กาแฟ กับช็อคโกแลตร้อน แถมน้ำอัดลมที่เย็นจัด กินไปดูวิวไป นักท่องเที่ยวเยอะพอประมาณ
นี่เป็นอีกหนึ่งบริการให้เช่า ไม่ได้ถามราคามา
อีกหนึ่งกิจกรรม Snowmobile ส่วนตัวฉันแล้วไม่ค่อยชอบเพราะเสียงดังและเหม็นน้ำมันมาก ทำลายบรรยากาศจัง ราคาประมาณชั่วโมงละ 1,500 รูปีหรือประมาณนี้
ช่วงบ่ายกิจกรรมเอกซตรีมของเราก็เริ่มขึ้น อย่างที่เล่าไว้ตอนแรก เราจะนั่งเลื่อนไม้ลงไปยังด้านล่างของเมือง ซึ่งการนั่งนี้ เราจะนั่งซ้อนท้ายพี่วินลงไป พี่เขาจะให้เราเอาขาพาดไปบนขาเขาด้านหน้า ส่วนมือจะเกาะไหล่ กอดเอวก็ตามสะดวก (จากแรกๆกอดไหล่ แป้บเดียวกอดเอวแน่นเลยฮ่ะ กลัวตกสุดฤทธิ์) ทางลงบางช่วงจะชันและคดเคี้ยวมาก เลื่อนไม้จะไหลลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก บวกกับแรงถีบของพี่วิน ฉันว่า ถ้าฉันลงมาคนเดียว ต้องมีแหกโค้งแน่ๆ จุดไหนเป็นทางราบขึ้นเนิน พี่วินก็จะเปลี่ยนลงมาลากแทนการขับ บางช่วงมีหลุม เลื่อนไถลลงมาตกกระเด้งตัวลอยกันเลยทีเดียว ตลอดทางหิลันสลับการขับเลื่อนกับการเดิน พร้อมถือสัมภาระให้เรามาโดยตลอด แถมเขายังเป็นพระเอกในการเก็บมือถือของพี่แมกซ์ที่หล่นระหว่างทางไว้ โดยที่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้อีกด้วย
เราจอดพักเป็นระยะๆ ในจุดที่ราบที่ต้องเดิน เพื่อถ่ายรูป และให้เหล่าพี่วินได้พักแป้บนึง หิมะในบริเวณนี้จะสะอาดมากและหนาฟู เพราะไม่มีใครมาเล่น
เราแวะเยี่ยมชมกระท่อมเด็กเลี้ยงแกะกันด้วย
เราลงมาจนถึงปลายทางที่เลื่อนไปไม่ได้แล้ว เราต้องลงเดินต่อไปอีกเล็กน้อย ฉันถามว่าในหน้าร้อนที่ไม่มีหิมะ พวกพี่วินเขาทำอะไรกัน คำตอบคือรับจ้างจูงม้าให้นักท่องเที่ยว ฉันถามต่อว่าวันหนึ่งๆ ขับเลื่อนแบบนี้กี่รอบ เขาบอกว่าส่วนใหญ่ก็รอบเดียวเท่านั้น ก็คงจริง คนจ้างลากเลื่อนเยอะ แต่ประเภทนั่งเลื่อนลงมา 13 กิโลแบบพวกเรานี่ไม่มีเลย เป็นกิจกรรมสุดติ่งจริงๆ
พี่วินทั้งห้า
ฮึบๆ
พวกเรากับคนลากเลื่อนทั้งห้า
Bye… until we meet again…พวกเขาลากเลื่อนกลับขึ้นไปทางเดิม
เราเดินเล่นกันต่อเพื่อชมทั่วๆเมือง ถ้าใครไม่อยากเดินก็มีรถ ATV ให้เช่าขับ แต่เราขอเดินดีกว่า
หลังรั้วเขียวๆ หน้าร้อนมันคือสนามกอล์ฟ
แวะจิบกาแฟชิวๆที่คาเฟ่แห่งเดียวในเมือง
ฉันพยายามจะบอกหิลันว่า เราเดินเล่นเองได้ เธอกลับไปพักเถอะ เขาก็ไม่ยอม เดินถือของให้เราไปทุกที่จนกว่าเราจะกลับที่พักทีเดียว
นี่คือลานสเกตน้ำแข็งในเมือง ซึ่งเด็กๆเขาจะมาเล่นกันที่นี่ตอนกลางคืน
โครงสร้างหลังคาทรัสแน่นหนามาก
Unlimited photo shooting จริงๆทริปนี้
ฟ้ามืดแล้วตอนที่เราเดินกลับโรงแรม หิลันส่งเราเรียบร้อยพร้อมกับถามว่า เอนจอยมั้ย แฮปปี้มั้ย (เป็นประโยคคำถามติดปากคนแคชเมียร์ทีเดียว เขาบอกว่าถ้าไม่เอนจอย ไม่แฮปปี้ ไม่ต้องจ่าย 55) เราขอบอกขอบใจหิลัน ฉันจ่ายค่าจ้างไกด์ไป 500 รูปีทิปไปอีกเท่าตัว ไม่ได้จะอวดรวย แต่เมื่อเรามีและเขาสมควรได้เราก็ควรจ่าย
อิ่มหิมะกับการถ่ายรูปแล้วก็มาอิ่มกับอาหารเย็น วันนี้กินซุปกัน แต่ไม่ขาดแกงกะหรี่ไก่กับชาปาตีเหมือนเดิม
ซุปหัวหอมแบบฝรั่งเศส
ซุปไก่แบบเสฉวน
และเมนูประจำ แกงกะหรี่ไก่
ดูวิดีโอตอนนั่งเลื่อน ที่นี่
ย้อนตอนเก่า
Kashmir 1: Planning
Kashmir 2: Unexpected Delhi
Kashmir 3: Assalām ‘alaikum Kashmir
Kashmir 4: “Gulmarg” Life is fun, Enjoy every minute
Kashmir 5: Being Kashmiri
Kashmir 6: Pahalgam “Valley of paradise”
Kashmir 7: Slow Life on New Year’s Eve
Kashmir 8: New year in Yusmarg
Kashmir 9: “Srinagar” City of Prosperity
Kashmir 10: khuda hāfiz Kashmir